13 มิ.ย.61 ที่โรงแรมไดมอนด์ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานการประชุมและมอบนโยบายกับข้าราชการครูในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สุราษฎร์ธานี เขต 1 โดยมี นายชูศักดิ์ ชูช่วย ผอ.สพป.สุราษฎร์ธานี เขต 1 ผู้บริหารการศึกษา และข้าราชการครูเข้าร่วมกว่า 1,000 คน
นายวิชวุทย์ กล่าวว่า กรณีขนมจีนอาหารกลางวันของนักเรียนที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดและบุคลากรครูไม่น้อย หลังจากเกิดเหตุได้สั่งการให้ตรวจสอบทุกพื้นที่และไม่พบว่ามีพื้นที่อื่นกระทำในลักษณะดังกล่าว จึงขอเน้นย้ำให้ผู้บริหารการศึกษาและเจ้าหน้าที่ช่วยกันสอดส่องดูแลอย่างเคร่งครัดไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีก เพราะอนาคตเด็กเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ ควรได้รับการดูแลที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ เพราะจะมีผลต่อพัฒนาการของเด็ก
"เงินอุดหนุน 20 บาท สามารถทำให้เด็ก ๆ กินอาหารที่ถูกหลักโภชนาการได้อย่างแน่นอน หัวใจสำคัญของปัญหาอยู่ที่ผู้บริหารสถานศึกษา ครูในโรงเรียนเองก็ต้องมีบทบาทในการควบคุมดูแลการบริหารเงินของผู้บริหาร หากพบความไม่ชอบมาพากลให้แจ้งให้ ผอ.เขตการศึกษาทราบทันที แต่หากไม่มั่นใจก็สามารถแจ้งได้โดยตรงที่ผมได้เช่นกัน อย่าให้เกิดเหตุการณ์อีกอย่างเด็ดขาด ให้ถือกรณีนี้เป็นตัวอย่าง หากทำเช่นนั้นหมายถึงอนาคตการรับราชการต้องสิ้นสุดทันที เพราะโทษครั้งนี้มีเพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ ไล่ออก กับปลดออก" นายวิชวุทย์ กล่าว
ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี กล่าวด้วยว่า จะเร่งแต่งตั้งรองผู้ว่าฯ ทั้ง 3 มีคณะทำงานเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ แบ่งการทำงานออกเป็น 3 เขตการศึกษา คณะทำงานนี้จะต้องมีหน้าที่ตรวจสอบดูแลการจัดการอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียนในสังกัด สพป.จำนวน 456 โรงเรียน และสังกัดท้องถิ่นอีก 10 โรงเรียน ให้ปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ และจัดอาหารที่ถูกหลัก เพียงพอกับความต้องการของเด็ก นอกจากนี้ จะหารือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดจัดหาเงินเพื่อสร้างกองทุนอาหารกลางวันสำหรับเด็กให้มีความยั่งยืนมากขึ้น
ส่วนกรณีการสอบสวน นายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่ นั้น นายวิชวิทย์ กล่าวว่า ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ส่งเอกสารพร้อมเสนอให้ ผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่ ออกจากราชการไว้ก่อน เพราะผลการสอบสวนข้อเท็จจริงสรุปมีความผิดวินัยร้ายแรงที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้ได้ลงนามเห็นชอบให้ออกจากราชการไว้ก่อนไปแล้ว และอยู่ในระหว่างการร่างคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง โดยในส่วนของจังหวัดได้แต่งตั้งนิติกรจังหวัดเป็นกรรมการ ร่วมกับกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ส่วนของคดีอาญานั้น ทางศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นผู้ดำเนินการแจ้งความเอาความผิดทางอาญาต่อไป
ด้าน นายพล ศรัทโธ ป.ป.ช.สุราษฎร์ธานี ได้ระบุว่า เตรียมส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 8 พิจารณาได้ภายในสัปดาห์นี้ ด้านการร้องเรียนอื่นๆ นั้น การสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการต้นสังกัดของผู้อำนวยการคนดังกล่าว เบื้องต้น พบเป็นความผิดวินัยร้ายแรงอีก 5 เรื่อง และผิดวินัยไม่ร้ายแรง 1 เรื่อง ส่วนที่นอกเหนือความผิดในส่วนโครงการอาหารกลางวันนั้นเป็นหน้าที่ของหน่วยงานต้นสังกัด หรือโรงเรียนในฐานะนิติบุคคลที่จะต้องมีหน้าที่แจ้งความร้องทุกข์
โดยสามารถดำเนินการได้ 2 ทาง คือ 1.แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนในพื้นที่ เพื่อพิจารณาส่งสำนวนให้แก่ ป.ป.ช.หรือผู้เสียหายโดยตรงสามารถเข้าร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ประจำจังหวัด เพื่อให้เข้าตรวจสอบ และดำเนินการ โดยปีการศึกษา 2561 ที่เพิ่งดำเนินการมาพบว่า มีเอกสารการเบิกจ่ายเงินค่าอาหารวันละ 5,540 บาท แต่เมื่อตรวจสอบก็พบว่า มีการใช้เงินเพียงวันละไม่เกิน 3,000 บาท เห็นว่ามีเงินจำนวนหนึ่งถูกเบียดบังออกไปใช้ประโยชน์ในทางอื่น
สำหรับผลการตรวจสอบความผิดของผอ.โรงเรียนท่าใหม่ จำนวน 10 ข้อ ซึ่งผลสรุปชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง จำนวน 5 ข้อ คือ 1.เรื่องโครงการอาหารกลางวันไม่ได้คุณภาพ "ขนมจีนคลุกน้ำปลา" 2.ทุจริตโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตภายในโรงเรียน 3.ขายน้ำอัดลมให้เด็ก 4.ขายปาล์มน้ำมันโรงเรียนนำเงินไปใช้ส่วนตัว 5.ทุจริตโครงการปักเสาไฟฟ้า และ 6.ผิดวินัยไม่ร้ายแรง มีโทษปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี