ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 13 มิ.ย.61 ที่บ้านเลขที่ 9/199 และบ้านเลขที่ 9/250 หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(ผบช.ปส.) นำกำลังตำรวจเปิดปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/6 ทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดภาคกลาง “แก๊งแฝดทมิฬคิสเนอร์” ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 60 จุด ในพื้นที่ จ.ลพบุรี จ.สระบุรี และ จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยเป้าหมายแรก เข้าตรวจค้นบ้านเดี่ยว 5 หลังของเครือข่ายค้ายาเสพติดแก๊งแฝดทมิฬ ที่บ้านเลขที่ 9/250 ซึ่งเป็นบ้านของนายศุภชัย ธารีรักษ์ หรือมิกซ์ แฝดผู้พี่ ที่ถูกคนร้ายลอบยิงที่หน้าร้านเสริมสวย ริมถนนใน จ.ลพบุรี เสียชีวิต เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตำรวจตั้งประเด็นการสืบสวนไว้ 3 ประเด็น คือ ขัดแย้งยาเสพติด ปัญหาส่วนตัว และฆ่าล้างแค้น
ต่อมาที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธร ภาค 1 จ.สระบุรี พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. , พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. นำชุดปฏิบัติการชัยยะ สยบไพรี 61/6 ร่วมด้วยนายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ร่วมแถลงข่าวผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการชัยยะ สยบไพรี 61/6 “ผลไม้พิษ ตอนแฝดทมิฬ” ในระหว่างวันที่ 1-14 มิ.ย.61 โดยมีเป้าหมายสำคัญจำนวน 80 เป้าหมาย ในพื้นที่ต่างๆ และมีเป้าหมายที่สำคัญอีก 1 เครือข่าย คือ เครือข่าย “แฝดทมิฬคิสเนอร์”
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า จากการตรวจค้นบ้านของนายศุภชัย แต่ไม่พบภรรยาของนายศุภชัยในบ้านพัก รวมไปถึงนายชัยวุฒิ คิสเนอร์ หรือแม็ค แฝดผู้น้อง และผู้ต้องหารายอื่นด้วย แต่พบร่องรอยที่ระบุได้ว่าทั้งหมดน่าจะไหวตัวหลบหนีออกจากบ้านไปเมื่อคืนที่ผ่านมา ส่วนอีกหลังเป็นของ นายพงศกร(ขอสงวนนามสกุล) ทำหน้าที่ธุรกรรมทางการเงินให้กับเครือข่ายยาเสพติดของแฝดทมิฬ
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านอีก 3 หลัง ซึ่งตนเชื่อว่าบ้านทั้ง 5 หลังเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด โดยใช้ชื่อญาติพี่น้องในการถือครองทรัพย์สินแทน จากการตรวจค้นบ้าน 1 ใน 5 หลัง พบมีการนำยาเสพติดมาบรรจุก่อนจะส่งแบบเคอรี่ไปยังผู้รับ และยังพบถุงดำไว้สำหรับบรรจุยาเสพติด ซึ่งในแต่ละถุงสามารถบรรจุยาเสพติดได้ถึง 100,000 เม็ด นอกจากนี้ยังพบห่อบรรจุของที่มีสัญลักษณ์ 999 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่า เป็นยาเสพติดอีกด้วย
ผบช.ปส. กล่าวอีกว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ขยายผลมาจากการจับผู้ต้องหารายสำคัญ คือ นายณัฐพล ทองประเสริฐ และนายศุภกิจ อินทบุตร์ พร้อมยาบ้ากว่า 2.3 แสนเม็ด ในพื้นที่ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 60 จากการตรวจสอบพบเป็นลูกน้องของนายศุภชัย และนายชัยวุฒิ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อความสั่งการทางเฟซบุ๊กจากนายศุภชัยและนายชัยวุฒิ ว่าให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ปฏิเสธข้อกล่าวหาและไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจ
“นอกจากนี้ เรายังตรวจพบอีกว่าเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายศุภชัยและนายชัยวุฒิ ได้สั่งการให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เดินทางไปรับยาเสพติด 1 แสนเม็ด ริมถนนลพบุรี-พระพุทธบาท ก่อนนำมาพักไว้ในบ้านพัก ที่อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี เพื่อกระจายให้กับลูกค้าตามออเดอร์ จนกระทั่งมาถูกเราจับกุมได้พร้อมกับยาเสพติดที่เหลือ” พล.ต.ท.สมหมาย กล่าว
ผบช.ปส. กล่าวว่า การตรวจสอบประวัติของนายศุภชัยและนายชัยวุฒิ ยังพบด้วยว่าตั้งแต่ปี 2553-2560 เคยถูกดำเนินคดีมาทั้งสิ้นคนละ 13 คดี เป็นคดีครอบครองยาเสพติด จำหน่ายยาเสพติด พยายามฆ่า และครอบครองอาวุธ ซึ่งล่าสุดได้ถูกตำรวจ ปส. ออกหมายจับในข้อหาสมคบและสนับสนุนกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
สำหรับพฤติกรรมของนายศุภชัยและนายชัยวุฒิ คือ จะตั้งตัวเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จากการติดตามในเฟซบุ๊กส่วนตัว จะเห็นได้ว่ามีการโพสต์ข่มขู่ผู้อื่น มีการจ้างวานฆ่า หากทำสำเร็จ จะได้ค่าจ้าง 100,000 บาท นอกจากนี้ยังโพสต์รูปเงินสดจำนวนมากพร้อมกับทรัพย์สิน เช่น บ้าน รถ ต่างๆมากมาย เพื่อให้เห็นถึงอิทธิพลที่มี เมื่อเครือข่ายถูกจับในเรือนจำ จ.สระบุรี นายศุภชัยและนายชัยวุฒิได้นำพวงหรีดไปวางข่มขู่ถึงผู้บัญชาการเรือนจำ
“อีกทั้งยังมีแผนที่จะชิงตัวผู้ต้องหาระหว่างการขออำนาจศาลฝากขังเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ตำรวจรู้ความเคลื่อนไหวก่อน ได้นำกำลังมาเฝ้าสถานการณ์ แผนการชิงตัวผู้ต้องหาจึงถูกล้มเลิก ผมเชื่อว่ารายนี้ถือว่าเป็นรายใหญ่มากใน จ.ลพบุรี เป็นผลไม้พิษที่เราต้องกำจัดทิ้ง หนีได้หนีไป เรามีเบาะแส จะตามไปทุกที ทั้งนี้ จากการตรวจค้นดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถติดตามยึดอายัดทรัพย์ได้กว่า 100 ล้านบาท” ผบช.ปส. กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นภายในบ้าน พบกล้องวงจรปิด ที่ติดไว้ภายในบ้าน หมุนไปมา ซึ่งคาดว่าผู้ต้องหาน่าจะดูการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านมือถือส่วนตัว
นอกจากนี้ พบว่า แฝดคู่นี้ มีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ภูธรภาค 1 สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ทั้งการค้าขายยาเสพติดและกระทำผิดกฎหมาย จนมีฐานะร่ำรวย ทั้งคู่มีนิสัยก้าวร้าว กล้าได้กล้าเสีย จึงทำให้มีเครือข่ายในพื้นที่เป็นจำนวนมาก โดยพฤติกรรมการค้ายาเสพติดจะทำกันเป็นเครือข่าย คือ นำยาเสพติดลำเลียงจากภาคเหนือมาพักไว้ที่สระบุรี จากนั้นก็จะกระจายยาเสพติดผ่านเครือข่ายทั้งทางไลน์ เฟซบุ๊ก โดยทั้ง 2 คนมีพฤติกรรมเกี่ยวกับยาเสพติดมาตั้งแต่ปี 2553 หลังจากนั้นก็วนเวียนอยู่ในขบวนการค้ายาเสพติดมาโดยตลอด
สำหรับนายชัยวุฒิ อยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับคดียาเสพติด ส่วนนายศราวุฒิ หรือนายศุภชัย ธารีรักษ์ ถูกคนร้ายลอบยิงที่หน้าร้านเสริมสวย ริมถนนใน จ.ลพบุรี เสียชีวิต เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้จากเครือข่ายของนายนายศราวุฒิ ประกอบด้วย รถยนต์ 37 คัน มูลค่าประมาณ 28,100,000 บาท , รถจักรยานยนต์ 10 คัน มูลค่าประมาณ 2,372,000 บาท , บ้านพร้อมที่ดิน 23 หลัง มูลค่าประมาณ 55,780,000 บาท , ทองรูปพรรณ มูลค่าประมาณ 1,185,400 บาท , เงินสดจำนวน 1,424,680 บาท และอื่น ๆ มูลค่าประมาณ 5,851,778 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 94,713,858 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี