เส้นตาย30วัน
สอบโกงเงินทอนขอนแก่น
ตร.ปัดข่าวจักรทิพย์
บินล็อบบี้จับสมีเมธี
แจงแค่ไปดูงานอาวุธ
เด้งผกก.ตม.นครพนม
คนใกล้ชิดปฏิเสธข่าว “จักรทิพย์” บินเจรจาขอรับตัว “อดีตพระพรหมเมธี” ระบุไปดูงานแสดงอาวุธที่ฝรั่งเศส แต่พบข้อสังเกต ไปนานผิดปกติ คาดมีภารกิจอื่นด้วย ขณะที่กลุ่มปกป้องพระพุทธศาสนา ยื่นกองปราบฯเอาผิด ผอ.พศ. ขัด ม.157 ด้านผู้ว่าฯขอนแก่น สั่งตั้งกรรมการสอบเงินทอนวัด ได้ข้อสรุปใน 30 วัน
จากกรณีที่มีข่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ได้เดินทางเพื่อติดตามตัว อดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามฯ ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัด โดยเดินทางเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน โดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 930 ปลายทางสนามบิน Paris Charles de Gaulle ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งคาดว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจสากล ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส ให้ช่วยติดตามตัวอดีตพระพรหมเมธี และอาจจะเดินทางต่อไป นครแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เพื่อเจรจาขอตัวอดีตพระพรหมเมธี ที่อยู่ระหว่างการยื่นขอลี้ภัย กลับมาดำเนินคดี ในประเทศไทย โดยมีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะเดินทางกลับประเทศไทยโดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 931 ในวันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน ตามที่เป็นข่าวนั้น
คนใกล้ชิดปัดข่าวรับตัวพรหมเมธี
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน แหล่งข่าวใกล้ชิด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ชี้แจงว่า การที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์บินไปฝรั่งเศสนั้น เพื่อไปดูงานแสดงอาวุธ ตามคำเชิญของตำรวจฝรั่งเศส พร้อมทั้งได้ส่งคลิปวิดีโอและภาพถ่ายขณะดูงานให้กับสื่อสำนักต่างๆ เพื่อยืนยันเป็นหลักฐาน และปฏิเสธว่าไม่ได้ไปประสานขอความช่วยเหลือ จากตำรวจสากลที่เมืองลียง เพื่อที่จะติดตามขอตัวอดีตพระพรหมเมธี จากเยอรมนี แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตามปกติถ้าภารกิจการไปดูงานตามคำเชิญของตำรวจฝรั่งเศสนั้น ก็จะใช้เวลาเพียง 1-2 วัน แต่ การเดินทางไปครั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ คงมีภารกิจอื่นๆ ด้วย
“บิ๊กป้อม”ยกให้เป็นหน้าที่”บิ๊กแป๊ะ”
ทางด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์กรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ เดินทางไปประเทศฝรั่งเศส ประสานขอความช่วยเหลือจากตำรวจสากล ติดตามตัว อดีตพระพรหมเมธี ว่า ทุกอย่างจบแล้ว ให้เขาดำเนินการไป ส่วนจะได้ตัวหรือไม่ ก็อยู่ที่เขา
ร้องเอาผิด ผอ.พศ.ละเว้นปฏิบัติหน้าที่
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายวรากร พงศ์ธนากุล ประธานเครือข่ายทนายและประชาชนปกป้องพระพุทธศาสนา พร้อมด้วย พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตตธมโม ประธานสงฆ์สำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี 2600 ปี และเป็นพระลูกวัดโพธิ์ทะเล จ.พิจิตร เข้าพบ พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบก.ป. เพื่อยื่นหนังสือร้องขอให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในคดีทุจริตเงินทอนวัด ในความผิดตามมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สืบเนื่องจาก พศ. ได้แจ้งความร้องทุกข์ให้เอาผิดกับพระสงฆ์ในคดีเงินทอนวัดจนมีการจับกุมพระสงฆ์หลายรูป แต่กลับไม่มีการดำเนินคดีเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ พศ.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ตำรวจกองปราบปราม สืบสวนขยายผลและดำเนินคดีให้ครบทุกคนที่เกี่ยวข้อง
จวกกระทำเกินหน้าที่
นายวรากร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังอยากให้มีการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.พงศ์พร ตามความผิดตามมาตรา157 ซึ่งเป็นผลมาจากกรณีที่มีการออกหนังสือคำสั่งที่ 0001/06036 ฉบับลงวันที่ 8 มิถุนายน 2561 ที่มีการขอให้ทำการตรวจสอบบัญชีวัด และชี้แจงการใช้จ่ายเงิน ซึ่งตนและประชาชนคนอื่นๆ นั้นไม่เห็นด้วย เพราะถือว่า พศ. เป็นเพียงผู้สนับสนุนพระ ไม่ใช่ผู้ปกครองพระ และการกระทำแบบนี้ จึงเป็นการกระทำเกินหน้าที่ ส่วนการห้ามพระสงฆ์ถือครองเงิน ควรเป็นอำนาจของมหาเถรสมาคม(มส.)
ระบุพระก็จำเป็นต้องใช้เงิน
ด้านพระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา กล่าวว่า พระเองก็มีความจำเป็นในการใช้เงินเพื่อดำรงชีวิต เหมือนคนทั่วไป เพราะต้องใช้เงินเพื่อใช้จ่ายในการเดินทาง ใช้จ่ายในเรื่องการเรียนการสอน วัดแต่ละแห่งมีรูปแบบการจัดการระบบเงินแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละวัดจะนำมาใช้จ่ายแบบใด อีกทั้งพระสงฆ์บางรูปมีทรัพย์สินบางส่วนติดตัวมาตั้งแต่ก่อนบวช จึงอยากให้แยกบัญชี เพราะพระบางรูป ช่วงเวลาการบวชแตกต่างกัน เมื่อสึกออกไป จึงมีความจำเป็นที่จะต้องนำเงินดังกล่าวออกไปใช้
สำหรับพระครูปลัดธีรธนัชณฤทธานั้น พบว่าเคยปีนเสาส่งสัญญาณวิทยุย่านพุทธมณฑลสาย 3 เพื่อประท้วงกรณีที่ดินของสำนักสงฆ์ฯ ถูกยึด เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
“ไพบูลย์”โต้กลุ่มบิดเบือนสอบบัญชีวัด
นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคปฎิรูปประชาชน กล่าวถึงกระแสโจมตีการตรวจสอบบัญชีวัดว่ามีการแบ่งสอบบางนิกายเท่านั้น ว่าขออย่านำเรื่องนิกายมาเกี่ยวข้องหรือยกมาเปรียบเทียบกัน เพราะทุกนิกายต้องปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ในเรื่องพระธรรมวินัย ส่วนพระวินัย มีกำกับไว้ไม่ให้รับเงิน หรือยินดีให้คนอื่นรับเพื่อมาเป็นของตนเอง สังคมต้องแยกกัน ระหว่างเรื่องพระรับเงิน มาไว้บัญชีส่วนกลาง แล้วนำไปใช้ปัจจัยสี่สามารถทำได้ กับรับเงินมาใส่บัญชีตัวเอง เพราะอยากร่ำรวย ตัดกิเลสไม่ได้ ยังหลงยึดกับวัถตุ โลภโมโทสัน อย่างนี้ชัดเจนว่าผิดพระธรรมวินัยทั้งหมด
ขอนแก่นตั้งชุดสอบทุจริตเงินทอนวัด
นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยภายหลังเจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) เข้าตรวจสอบที่วัดธาตุพระอารามหลวง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ว่า จะแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตเงินทอนวัด ภายใน จ.ขอนแก่น ให้ได้ข้อสรุปภายใน 30 วัน โดยให้ นายอลงกตวรกี ปลัดจังหวัดขอนแก่น เป็นหัวหน้าชุดในการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ว่า มีเจ้าหน้าที่คนใด พระสงฆ์รูปไหน วัดไหน เข้าไปเกี่ยวข้อง เอื้ออำนวยให้ความสะดวก หรือไปทำให้มีขบวนการเชื่อมโยงในรูปแบบเงินทอนวัด โดยจะต้องตรวจสอบว่า 10 ปีที่ผ่านมา มีเงินจาก พศ.โอนมาให้ผิดปกติมากน้อยขนาดไหน นอกจากนี้จะทำหนังสือกราบนมัสการเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด ในการเข้ามาช่วยตรวจสอบคณะสงฆ์ เพื่อสนับสนุน บก.ปปป. พร้อมดำเนินการตามระเบียบแบบแผนทางราชการที่จังหวัดสามารถดำเนินการได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี