เช็คบิล‘อดีตปลัด-บิ๊กพม.’
ยึดทรัพย์88ล.
‘พุฒิพัฒน์’เจอพ่วงอาญา
ฮั้วสาวคนสนิทฟอกเงิน
ซื้อบ้าน-รถถ่ายเทสมบัติ
ศธ.เด้ง‘ผอ.ตะพานหิน’
เจ้าตัวลมจับปัดโกงนร.
ดาบสองฟันโกงงบคนไร้ที่พึ่ง ปปง.อายัดทรัพย์ 88 ล้าน “พุฒิพัฒน์” อดีตปลัด พม. “ณรงค์” อดีตรองปลัดพม. และ “ธีรพงษ์” อดีตผู้ตรวจราชการฯ พร้อมพวกรวม 12 ราย พร้อมร้องทุกข์ ปปง. เชือด “พุฒิพัฒน์-สาวคนสนิท” ฟอกเงิน แฉพฤติกรรมแสบแอบยักย้ายถ่ายเทสมบัติ ซื้อบ้าน-รถแปรสภาพทรัพย์สินตบตาด้าน ศธ. สั่งเด้ง ผอ.โรงเรียนตะพานหิน เจ้าตัวลมจับ-ร่ำไห้ท้าสาบาน ลั่นไม่เคยโกงค่าอาหารลูกศิษย์
ความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตงบประมาณสงเคราะห์คนยากไร้ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
ยึดทรัพย์ปลัดพม.-พวก12รายรวม88ล.
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รองเลขาธิการ รักษาราชการแทน (รรท.) เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ให้อายัดทรัพย์สินของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้แก่ นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัด พม. นายณรงค์ คงคำ อดีตรองปลัด พม. และนายธีรพงษ์ ศรีสุคนธ์ อดีตผู้ตรวจราชการ พม.กับพวกที่เกี่ยวข้องรวม 12 ราย จำนวน 41 รายการ มูลค่าประมาณ 88 ล้านบาท
ร้องปปป.ฟันอาญาฐานฟอกเงิน
พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ กล่าวต่อว่า กลุ่มคนดังกล่าวมีพฤติการณ์ทำผิดอาญา ฐานฟอกเงิน ซึ่งปปง.จะเข้าฟ้องร้องต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีอาญาต่อไป และขอเตือนข้าราชการรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตในหน้าที่ว่า นอกจากจะถูกยึดหรืออายัดทรัพย์แล้ว ผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ หรือนอมินี ที่รับโอนทรัพย์สินจากผู้ทำผิดทุกคนอาจต้องโทษจำคุกความผิดฐานฟอกเงินด้วย ซึ่งมีโทษจำคุก 10 ปีต่อการโอนหรือรับโอน 1 ครั้ง
เล่นงานหนักพุฒิพัฒน์-สาวคนสนิท
วันเดียวกัน นายวิทยา นีติธรรม เลขานุการกรม ปปง. เข้ายื่นหนังสือต่อพล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดนายพุฒิพัฒน์กับหญิงสาวคนสนิท เบื้องต้นเพียง 2 คน ที่เป็นอดีตข้าราชการ พม. ให้สืบสวนสอบสวนคดีอาญาความผิดฐานฟอกเงินกรณีทุจริตงบสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งของพม.
แฉซื้อบ้าน-รถแปรสภาพทรัพย์สิน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบทำผิดช่วงปี 2558-2560 หรือปีงบประมาณ 2559-2560 ลักษณะการทำผิดรูปแบบเดียวกับเงินทอน แต่ไม่ได้ทอนเงินผ่านธนาคาร เป็นลักษณะแบบหิ้วกลับ ทำให้ตรวจสอบยาก
“แต่ละปีพบการทุจริตประมาณ 80 ล้านบาท หรือร้อยละ 30 ซึ่งก่อนที่ปปง.จะเข้ายึดอายัดทรัพย์ พบมีการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินไปยังบุคคลอื่น และแปรสภาพเป็นอสังหาริมทรัพย์และรถยนต์ จากการตรวจสอบยังไม่พบโยกย้ายทรัพย์สินออกนอกประเทศ ทั้งนี้ พบว่าเงินดังกล่าวมีการนำเงินทอนกลับมาไว้ที่ศูนย์ช่วยเหลือคนจนในพื้นที่ก่อเหตุและส่งต่อมาที่ปลัด พม. แต่ยังไม่พบเส้นทางการเงินไปถึงระดับกระทรวงหรืออดีตรัฐมนตรี”นายวิทยาระบุ และว่า ปปง.ให้ผู้ที่ถูกยึดทรัพย์เข้าชี้แจงที่มาทรัพย์สินภายใน 30 วัน ถ้าพบว่าไม่เกี่ยวกับการทำผิดจะคืนให้ แต่ถ้าชี้แจงไม่ได้ ต้องยึดไว้จนกว่าคดีจะสิ้นสุด
นัดแจ้งความเป็นทางการ19มิ.ย.
ด้านพล.ต.ต.กมลกล่าวว่า เบื้องต้นนัดเจ้าหน้าที่ ปปง.เข้าแจ้งความร้องทุกข์อย่างเป็นทางการวันที่ 19 มิถุนายน หลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานและตั้งคณะทำงานขึ้นมา ประกอบด้วย ปปง. ปปป. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ทั้งนี้ ยอมรับว่า คดีดังกล่าวซับซ้อนพอสมควร แต่ปปง.ดำเนินการไปจนมีความชัดเจนมากขึ้น
ย้ายผอ.รร.ตะพานหินจัดซื้ออาหารเด็กฉาว
อีกด้านหนึ่งมีความคืบหน้ากรณีการร้องเรียนให้ตรวจสอบความผิดปกติ โครงการจัดซื้ออาหารกลางวัน นักเรียนโรงเรียนเทศบาลตะพานหินวิทยาคาร สังกัดเทศบาลเมืองตะพานหิน จ.พิจิตร ลักษณะพบการจัดซื้อวัตถุดิบอาหารเด็กชั้นอนุบาล และประถมศึกษาไม่ครบจำนวน ส่วนระดับชั้นมัธยมมีการสั่งซื้อ แต่ไม่มีของมาให้ตรวจ โดยเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรมีหนังสือสั่งผู้บริหารเทศบาลเมืองตะพานหินเร่งสอบสวนและรายงานข้อเท็จจริง ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสั่งให้เร่งตรวจสอบเรื่องนี้ระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรวันที่ 11-12 มิถุนายนที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ลงนามหนังสือคำสั่งให้นางสุพรรณ บัวทอง ผอ.โรงเรียนเทศบาลตะพานหินวิทยาคาร ไปช่วยราชการที่ สำนักงานท้องถิ่น จ.พิจิตร ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน – 14 ธันวาคม เป็นเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ นางสุพรรณ อยู่ระหว่างถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ร้องเรียนความผิดปกติการจัดซื้ออาหารกลางวันนักเรียน
ผอ.สาวร่ำไห้สาบานลั่นโดนแกล้ง
ต่อมา นางสุพรรณ มีบัวทอง ผอ.รร.เทศบาลตะพานหินวิทยาคารออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า ตนมารับตำแหน่ง ผอ.โรงเรียนเทศบาลตะพานหินฯ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2560 กรณีดังกล่าวเกิดจากรอง ผอ.คนหนึ่ง ไปร้องเรียนว่าการเบิกจ่ายโครงการอาหารระดับมัธยมฯแต่ไม่มีรายการวัสดุให้ตรวจสอบ มีการลงนามในใบสั่งซื้อจากผอ.สถานศึกษา อาหารของระดับปฐมวัยจนถึงป.6 น้ำหนักไม่ครบตามใบสั่งซื้อของโรงเรียนและนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาไปกินอาหารกลางวันของนักเรียนระดับปฐมวัยและระดับประถมศึกษาซึ่งตนขอชี้แจงว่า การตรวจรับพัสดุเป็นหน้าที่ของกรรมการตรวจรับตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2535 และการลงนามใบสั่งซื้อเป็นอำนาจของผู้บริหารของเทศบาลเมืองตะพานหินลงนาม ส่วนเหตุร้องเรียนเกิดขึ้นเป็นการกลั่นแกล้งตน และผู้ปฏิบัติงานโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียน ทำให้ตนและโรงเรียนเสื่อมเสีย จึงอยากขอความเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม หลังผู้ว่าฯพิจิตรมีหนังสือให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานท้องถิ่นจังหวัด ในฐานะที่เป็นข้าราชการยินดีน้อมรับคำสั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างแถลงข่าวนางสุพรรณ ผอ.โรงเรียนเทศบาลตะพานหินฯร่ำไห้ พร้อมกล่าวสาบานกับหลวงพ่อเงินที่คล้องคอว่า การปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้อำนวยการทำทุกอย่างถูกต้องตามระเบียบโครงการฯ โดยมีเพื่อนครูมาปลอบและให้กำลังใจ
ปปช.พิจิตรเผยยังไม่พบผิดปกติ
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ทรงประดิษณ์ ผอ.ปปช.พิจิตรเผยว่า ปปช.พิจิตรรวบรวมหลักฐาน ทั้งเอกสาร และพยานบุคคลประมาณ 10 ปาก ทั้งเจ้าหน้าที่โครงการอาหารกลางวัน กลุ่มผู้ส่งสินค้ากับโรงเรียน ได้หลักฐานมากว่า 90% เหลือการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหา ก่อนสรุปสำนวนให้คณะกรรมการพิจารณา ภายในเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติ แต่จะขอเอกสารอาหารกลางวัน บัญชีจัดซื้อไปตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี