14 มิ.ย.61 นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยมี ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.61 ได้เห็นชอบให้มีการดำเนินการใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด(Smart Card) ในการเข้ารับบริการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิรักษาพยาบาลของพนักงานส่วนท้องถิ่น แทนการเบิกจ่ายตรง ตามที่คณะอนุกรรมการบริหารระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของพนักงาน หรือลูกจ้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) เห็นชอบก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้มีประกาศปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้สิทธิเข้ารับการรักษาพยาบาลของข้าราชการ โดยยกเลิกการการลงทะเบียนเบิกจ่ายตรง และเปลี่ยนมาใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดแทนทุกครั้งที่เข้ารับการรักษาพยาบาล ซึ่งได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.61 ที่ผ่านมา
นพ.การุณย์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนใช้บัตรประจำตัวประชาชนสมาร์ทการ์ด ในการเข้ารับการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิรักษาพยาบาลของพนักงานส่วนท้องถิ่น บอร์ด สปสช.ได้มอบให้ สปสช.ศึกษาข้อมูลการใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ในการเข้ารับการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ แทนการลงทะเบียนเบิกจ่ายตรง โดยกรมบัญชีกลางได้มอบให้ธนาคารกรุงไทยดำเนินการจัดระบบในสถานพยาบาล การออกเลขรหัสอนุมัติ และระบบรายงานที่สถานพยาบาลสามารถพิมพ์รายงานจากระบบ และส่งรายงานข้อมูลการใช้สิทธิและการเบิกจ่ายเป็นรายวัน
นพ.การุณย์ กล่าวว่า การใช้บัตรประจำตัวประชาชนสมาร์ทการ์ด แทนการลงทะเบียนเบิกจ่ายตรง มีข้อดีทำให้ผู้ป่วยเบิกจ่ายตรงในสถานพยาบาลรัฐได้ทุกแห่ง ไม่ต้องลงทะเบียนเบิกจ่ายตรงที่หน่วยบริการอย่างที่ผ่านมา เพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการให้กับผู้มีสิทธิ ขณะที่การตรวจสอบและควบคุมงบประมาณยังสามารถติดตามและตรวจสอบข้อมูลการเบิกจ่ายของผู้มีสิทธิได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี