15 มิ.ย.61 ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมร่วมกับกระทรวงศึกษา (ศธ.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) และหน่วยงานด้านการวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในการจัดตั้งกระทรวงใหม่ โดยขณะนี้มีข้อสรุปแล้วว่าจะใช้ชื่อ "กระทรวงอุดมศึกษาวิจัยและนวัตกรรม" โดยการรวม สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) วท.หน่วยงานด้านการวิจัย ทั้งในส่วนที่สนับสนุนทุนวิจัยและหน่วยงานที่ขอทุนวิจัย อาทิ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) รวมเป็นหน่วยงานเดียวกัน ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วยในหลักการ และมองว่าจะมาช่วยเสริมการทำงานกัน
รมช.ศธ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงกรอบระยะเวลาการดำเนินการก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นคาดว่า ประมาณเดือน ก.พ.62 นี้ ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะต้องพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาให้เสร็จภายใน 30 พ.ย.61 และจะไม่รับวาระใหม่พิจารณา เพราะฉะนั้นจะเหลือเวลาในการจัดทำรายละเอียดของ พ.ร.บ.กระทรวงอุดมศึกษาฯ ประมาณ 3 เดือนครึ่ง นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. - ก.ย.นี้ ดังนั้น ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและนวัตกรรมให้พร้อม เพื่อจะให้ทันเสนอ สนช.พิจารณาได้ในเดือน ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม ตามขั้นตอนการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ต้องเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือน จะแล้วเสร็จจึงอาจไม่ทันการ โดย พล.อ.อ.ประจิน จะประสานกับทางคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อขอให้ตั้งคณะทำงานมาทำควบคู่กับ สนช.เพื่อพิจารณาไปในคราวเดียวกัน
นพ.อุดม กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ จากกรอบเวลาดังกล่าวที่ประชุมได้ตั้งคณะทำงานเตรียมการจัดตั้งกระทรวงอุดมฯ โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี , พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ เป็นที่ปรึกษา มีประธานร่วม 4 ฝ่าย ได้แก่ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายสุวิทย์ เมษสินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี , ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) , ศ.กิตติคุณ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ และมีคณะทำงานร่วม 10 คน ได้แก่ ผู้แทนจาก สกอ.1 คน , วท.1 คน , เครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอวช.) 1 คน , สำนักนายกฯ 1 คน , สำนักงานกฤษฎีกา 1 คน , สำนักงบประมาณ 1 คน , กรมบัญชีกลาง 1 คน , คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) ฝ่ายละ 1 คน , ผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก 2 คน , ส่วนฝ่ายเลขานุการ 3 คน ซึ่งมาจาก สำนักนายกฯ สำนักงานรองนายกฯ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)
"คณะทำงานเตรียมการจัดตั้งกระทรวงอุดมฯ จะดูใน 2 แนวทาง คือ 1.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.อุดมศึกษาฯ ซึ่งผมยืนยันขอยึดร่างเดิม เพราะผ่านกระบวนการต่างๆครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ต้องเพิ่มส่วนโครงสร้างกระบวนการที่ต้องเชื่อมโยงในส่วนของวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งมีร่าง พ.ร.บ.อยู่แต่ยังไม่มีการประชาพิจารณ์ ที่อาจจะต้องปรับรายละเอียดเพราะเป้าหมายเดิมคือดูแลทั้งประเทศ รวมทั้งประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้อง และ 2.เขียน พ.ร.บ.ใหม่ที่ครอบคลุมทั้งอุดมศึกษาและการวิจัย ซึ่งตามกรอบเวลา 3 - 4 เดือน เป็นไปได้ยาก และแนวโน้มที่ประชุมจะเห็นสอดคล้องกับแนวทางแรกแต่ก็ต้องไปทำประเด็นต่างๆ ให้ชัด และให้ทันกรอบเวลาที่เหลือ" รมช.ศธ.กล่าว
และว่า สุดท้ายหากการดำเนินการไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้ จากที่ได้หารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ก็แนะนำไว้ คือ ผลักดันแก้ไข พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม กำหนดโครงสร้างของอุดมศึกษา การวิจัยให้เห็นภาพ และเขียนบทเฉพาะว่าจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วันหรือ 120 วัน หรือดันให้เกิดการตั้ง ก.อุดมศึกษาฯ ใหม่ พร้อมแนบร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษาฯ และเขียนในบทเฉพาะ ว่าจะมีการออกพระราชกฤษฎีกาในส่วนของการวิจัยและนวัตกรรม ก็สามารถดำเนินการได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี