20 มิ.ย. 2561 นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ ประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี กล่าวในงานประชุมสรุปข้อเสนอมาตรการจำกัดการใช้สารเคมีเกษตร 3 ชนิด คือพาราควอด (Paraquat) ไกลโฟเซต (Glyphosate) และคลอร์ไพริฟอส (Chlorpyrifos) เพื่อนำเสนอต่อกรมวิชาการเกษตร ณ รร.มารวยการ์เด้นท์ ย่านบางเขน กรุงเทพฯ ว่า วันนี้สิ่งแรกที่ต้องทำคือควบคุมการขายสารทั้ง 3 ในร้านค้าเฉพาะให้ได้ก่อน เช่น เมื่อเกษตรกรมาซื้อต้องแจ้งว่าจะซื้อจำนวนเท่าไร ซื้อไปทำอะไร
ซึ่งจะทำให้ตรวจสอบได้ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง รวมถึงควบคุมไม่ให้มีการนำสินค้าด้อยคุณภาพมาขายให้เกษตรกรได้ด้วย เพราะแม้จะเป็นสารเคมีตัวเดียวกันแต่มีผู้ผลิตหลายรายคุณภาพก็อาจไม่เหมือนกัน โดยมีศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศจำนวน 882 ศูนย์เป็นกลไกหลัก พร้อมกับย้ำว่าผู้ผลิตสารเคมีเกษตรต้องเข้ามาร่วมกับภาครัฐให้ความรู้การใช้งานที่ถูกวิธีกับเกษตรกรด้วย
“บริษัทไหนที่ผลิตที่นำเข้า มีธุรกิจมีกำไร ลูกค้าคือเกษตรกร คุณต้องเข้ามาสนับสนุนด้วยการให้ความรู้ ราชการจะเอาเงินที่ไหนมาอบรมคน 5 ล้านครอบครัว ต้องสนับสนุนเงินเข้ามา เราต้องสร้างทีมที่มีทั้งนักวิชาการภาครัฐและบริษัทผู้ค้าหรือผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ขึ้นมาให้ความรู้ ผ่านศูนย์ ศพก. 882 ศูนย์ เรามีสถานที่ที่เหมาะสมอยู่แล้ว อบรมใครบ้าง 1.ให้ผู้ที่ฉีดเอง ใครที่ยังฉีดเองไม่ใช่พวกโทรศัพท์สั่งคนอื่นฉีดก็ให้เข้ามา กับ 2.พวกรับจ้างฉีดทั้งคนไทยและต่างชาติ ต้องอบรมเขา” นายสุกรรณ์ กล่าว
ขณะที่ รศ.ดร.พรชัย เหลืองอาภาพงศ์ อาจารย์ภาควิชาพืชศาสตร์และปฐพีศาสตร์ สาขาวิชาพืชไร่ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) กล่าวว่า ร้านค้าที่จะขายสารเคมีเกษตรควบคุม 3 ชนิดคือพาราควอด ไกลโฟเซตและคลอร์ไพริฟอส ต้องยกระดับตนเองให้เป็นร้าน “คิวช็อป” (Q Shop) หรือโครงการร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ โดยอย่างน้อยคือต้องมีความรู้เกี่ยวกับสารทั้ง 3 ชนิดนี้ก่อน เช่น รู้จักวิธีการใช้ อันตรายและการป้องกันอันตรายจากการใช้ รวมถึงให้ความรู้กับผู้รับจ้างพ่นสารเคมีด้วย
“จริงๆ แล้วแรงงานต่างชาติเขามีความรู้นะเพราะเขาสัมผัสกับสารเคมีโดยตรง เพียงแต่ต้องกระตุ้นให้รู้สึกว่ามันไม่ใช่สารเคมีที่ปลอดภัยทั้งหมด ให้เขาตระหนักว่าฉีดแล้วมันไม่ไปปนในผลผลิตทางการเกษตร แล้วที่สำคัญที่สุดคือเรื่องสิ่งแวดล้อม อันนี้ก็ต้องให้ความรู้ มีการอบรม วันนี้ที่อยากให้มีคืออบรมผู้อบรม คือคนไม่พอไปอบรมทั้งประเทศ ก็น่าจะมีอาสาสมัครทั้งภาครัฐ ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือภาคการศึกษาที่เรามีมหาวิทยาลัยราชภัฎ มีวิทยาลัยเกษตรทั่วประเทศ ก็ให้คนเหล่านี้ไปให้ความรู้ร้านค้าและเกษตรกร” อาจารย์พรชัย กล่าว
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อ 23 พ.ค. 2561 มีการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ณ กระทรวงอุตสาหกรรม และที่ประชุมมีมติให้พาราควอด ไกลโฟเซตและคลอร์ไพริฟอส ยังใช้ได้ต่อไปในประเทศไทย พร้อมกับมอบหมายให้กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งจัดทำข้อควบคุมการใช้สารทั้ง 3 ชนิดว่าจะใช้ได้กับพืชใดหรือพื้นที่ใดได้บ้าง ให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากภาคประชาชนบางกลุ่มที่ต้องการให้สินค้าเกษตรไทยปลอดการใช้สารเคมี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี