20 มิ.ย.61 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นางพิมพ์ลดา(ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ตัวแทนกลุ่มคนไทยในประเทศออสเตรเลีย เข้ายื่นหลักฐานร้องทุกข์กับดีเอสไอ กรณีถูกนาง “พ.” หญิงไทยที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลียชักชวนให้คนไทยและนักศึกษาไทยในออสเตรเลียกว่า 250 คน ร่วมลงทุนด้วยการให้นำเงินมาฝากไว้ โดยยื่นข้อเสนอว่าจะให้ดอกเบี้ยเป็นรายสัปดาห์ รวมทั้งมีพฤติกรรมการรับโอนเงินสกุลต่างประเทศ ซึ่งเสนอว่าจะให้ราคาที่สูงกว่าธนาคาร และมีผู้หลงเชื่อจำนวนมากได้รับความเสียหายจากการกระทำดังกล่าวมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายบางส่วนได้ไปขอความช่วยเหลือจากสถานกงสุลไทยในนครซิดนีย์ และเข้าแจ้งความกับตำรวจออสเตรเลียแล้ว
นางพิมพ์ลดา กล่าวว่า ตนได้ร่วมลงทุนกับหญิงคนดังกล่าวจำนวน 30,000 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 800,000 บาท โดยหญิงคนดังกล่าวเข้ามาทักตนทางเฟซบุ๊ก และชักชวนให้ร่วมลงทุนด้วยว่าหากออมเงินในรูปแบบดังกล่าวตามที่เสนอจะได้ค่าตอบแทนสูง โดยระบุว่าหากลงทุน 2,500 เหรียญดอลลาร์ออสเตรเลีย ภายใน 1 เดือนจะได้กำไรเพิ่ม 500 เหรียญฯ หรือออมนาน 3 เดือน จะได้คืน 4,000 เหรียญฯ ซึ่งหมายถึงได้เงินเพิ่มจากการลงทุน 1,500 เหรียญ ซึ่งตนร่วมลงทุนครั้งแรกเดือนกันยายน 2560 จำนวน 2,500 เหรียญนาน 3 เดือน และได้คืน 4,000 เหรียญจริง ต่อมาเดือน ม.ค.2561 ตนลงทุนจำนวน 20,000 เหรียญ ซึ่งเดือน มี.ค. ตนจะต้องได้รับเงินออมคืนกว่า 32,000 เหรียญ แต่ปรากฏว่าได้รับเงินเห็นคืนเพียง 500 เหรียญ หลังจากนั้นก็ไม่รับเงินอีกเลย
นางพิมพ์ลดา กล่าวอีกว่า บุคคลทั้งสองยังรับแลกเงินตราต่างประเทศ โดยให้ราคาที่สูงกว่าราคาปกติทั่วไป โดยหญิงคนดังกล่าวให้ผู้ร่วมลงทุนโอนเงินเข้าบัญชีของหญิงคนดังกล่าวและสามี โดยมีพฤติกรรมใช้สื่อโซเชียลไลฟ์สดชักชวนคนไทยที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลียให้นำเงินมาร่วมลงทุน ด้วยการแจกกระเป๋าแบรนด์ดัง ลิปสติก และทองคำหนัก 1 บาท สร้างภาพลักษณ์ให้น่าเชื่อถือว่ามีฐานะร่ำรวย จึงทำให้มีคนหลงเชื่อจำนวนมาก แต่หลังจากร่วมลงทุนไปแล้ว ก็ไม่ได้รับเงินคืน ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย หากทวงถามมากๆจะถูกให้ออกจากกลุ่มไลน์ ไม่รับโทรศัพท์ รวมทั้งพูดจาในลักษณะข่มขู่
“ปัจจุบันผู้เสียหายบางส่วนได้เดินทางกลับมาอยู่ประเทศไทยแล้ว และหลายคนยังอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย ที่ผ่านมาได้เดินทางไปแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.) แล้ว แต่ทางปอท.ยังไม่ได้รับดำเนินคดี เนื่องจากยังไม่เข้าฐานความผิด จึงมาร้องทุกข์ที่ดีเอสไอ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ส่งข้อมูลผ่านระบบออนไลน์มาให้ดีเอสไอแล้วในช่วงที่ต้องเดินทางกลับประเทศไทย จึงนำหลักฐานเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษอย่างเป็นทางการอีกครั้ง” นางพิมพ์ลดา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี