วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
แตกใบอ่อน : ยาฆ่าหญ้า‘พาราควอต’  กับทางออกที่สังคมยังสับสน!!

แตกใบอ่อน : ยาฆ่าหญ้า‘พาราควอต’ กับทางออกที่สังคมยังสับสน!!

วันพฤหัสบดี ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561, 06.00 น.
Tag : แตกใบอ่อน ยาฆ่าหญ้า
  •  

ทิศทางของประเทศไทยกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ดูเหมือนจะสับสนอลหม่านพอควร โดยเฉพาะกับพวกเราในฐานะประชาชนคนไทยที่เฝ้าดูและปฏิบัติตาม เพราะหลายๆ โครงการ หลายๆ นโยบายที่รัฐบาลอนุมัติออกมานั้น ดูจะตรงข้ามกับความรู้สึกของประชาชนเสียเป็นส่วนใหญ่ จนจะกลายเป็นนโยบายไทยแลนด์ 0.4 ทำให้ประเทศไทยยังล้าหลังเสียมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการอนุญาตให้มีการนำเข้ายาฆ่าหญ้าที่ชื่อว่า “พาราควอต” ต่อไปได้อีก ซึ่งยาฆ่าหญ้า “พาราควอต” นี้ค่อนข้างอันตราย มีพิษเฉียบพลันสูงต่อมนุษย์ และมีผลกระทบเรื้อรังต่อสุขภาพ เช่น ก่อโรคพาร์กินสัน สมองเสื่อม แม้จะใส่อุปกรณ์ป้องกันแต่ก็สามารถผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ โดยการสัมผัสทางผิวหนัง แล้วซึมเข้าร่างกายจนเกิดอันตรายถึงชีวิต ทั้งยังตกค้างในอาหาร สิ่งแวดล้อม และมนุษย์ ถ้าสัมผัสเผลอกลืนกินเข้าไป ก็ไม่สามารถล้างท้องได้ จึงเป็นที่มาของแรงกระเพื่อมผลักดันให้มีการยกเลิกการนำเข้าและใช้สาร “พาราควอต”

เป็นที่รู้กันดีในแวดวงการเกษตรว่า สารพิษจากยาฆ่าหญ้าที่มีการใช้ต่อเนื่องกันมายาวนานหลายสิบปี จะมีการสะสมตกค้างมหาศาลในน้ำในดินจนอิ่มตัว เอิบอาบซาบซ่านเข้าไปสะสมอยู่ในพืชผักผลไม้ จนเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคทั้งเด็กผู้ใหญ่ และทารกที่อยู่ในครรภ์ที่รับสารอาหารโดยตรงจากมารดา เนื่องด้วยมารดายุคปัจจุบันรับประทานอาหารที่มีการสะสมสารพิษจากยาฆ่าหญ้าที่ตกค้างอย่างมากมาย โดยมีงานวิจัยรองรับตามข้อมูลดังกล่าวจากหน่วยงานและสื่อต่างๆ


ถ้าวิเคราะห์ในแง่เศรษฐกิจเกี่ยวกับต้นทุนการเกษตรที่ต้องใช้ “แรงงานคน” ในกำจัดหญ้าเทียบกับการใช้ “ยาฆ่าหญ้า” ก็อาจจะมีความคุ้มค่าอยู่บ้าง เพราะการใช้ยาฆ่าหญ้ามีต้นทุนที่ต่ำ
กว่า ราคาถูก แถมมีประสิทธิภาพในการกำจัดวัชพืชได้มากกว่าแรงงานคน ซึ่งอันนี้ก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่เกษตรกรส่วนใหญ่ได้เสนอแนะให้แง่คิดไว้ โดยที่รัฐบาลยังไม่สามารถหาสิ่งปลอดภัยกว่ามาทดแทนได้ แต่ถ้ามองในแง่ของสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยเฉพาะภาพใหญ่ในระดับประเทศก็น่าเป็นห่วงอยู่ เพราะคนที่รับพิษจาก พาราควอต หากถูกหรือสัมผัสร่างกายโดยตรงในปริมาณเข้มข้น จะเกิดการกัดกร่อนรุนแรงผิวหนังไหม้ หากเข้าสู่ร่างกายโดยเฉพาะการกินโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม อัตราเสียชีวิตจะสูงมาก เพราะพาราควอตมีความเป็นพิษสูงมาก ขนาดยาแค่ฝาขวดน้ำดื่มก็ถึงตายได้ ฤทธิ์เริ่มแรกก็การกัดกร่อนเผาเนื้อเยื่อบุปาก ลำคอ กระเพาะอาหารอาจถึงกับกระเพาะทะลุเสียชีวิตได้ ระยะต่อมาตับวายสารเคมีส่วนมากจะผ่านตับทำให้เกิดความเสียหายกับเนื้อเยื่อตับโดยตรงถ้าตับวายก็ตาย ระยะต่อมาเมื่อตัวพาราควอตผ่านระบบเมตาบอลิกในตับจะผ่านสู่ไต ก็ทำให้ไตวายเฉียบพลัน ถ้าฟอกไตทันอาจจะรอด แต่ก็ต้องฟอกไตตลอดชีวิต ไม่ก็รอบริจาคไตมาเปลี่ยน ระยะสุดท้าย ถ้าสามารถรอดพ้นระยะทั้งหมดเบี้องต้นผ่านไป 1-2 สัปดาห์ ก็มักจะจบด้วยสภาวะปอดเป็นพังผืดและมักจบด้วยการเสียชีวิต

โดยปกติประเทศไทยเกษตรกรส่วนใหญ่ได้รับความเสียหาย เจ็บป่วยจากสารพิษภาคการเกษตรชนิดอื่นๆ มากพอควรอยู่แล้ว “ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข” มีการตรวจพบเกษตรกรไทยร้อยละ 32 ที่มีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัยจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช และมีผู้ป่วยจากพิษสารกำจัดศัตรูพืชเพิ่มถึง 4 เท่าตัว ทั้งพิษเฉียบพลันและระยะยาว เช่น แสบตา คลื่นไส้ หายใจขัด เป็นมะเร็ง อาจรุนแรงถึงขั้นเป็นหมันหรือเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ผู้สามารถไปสืบค้นเพิ่มเติมได้จากหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุข

การที่จะให้ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งเทคโนโลยี นวัตกรรม ก้าวล้ำด้วยระบบโลจิสติกส์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) แต่รัฐบาลยังปล่อยให้ข้าวปลาอาหารของประเทศไทยซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์ “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ประเทศที่โดดเด่นและชำนาญเรื่องเกษตรกรรมมาอย่างยาวนาน เคยส่งออกข้าว ปาล์ม ยางพารา และมันสำปะหลัง เป็นอันดับต้นๆของโลก และล่าสุดยังขายทุเรียนได้ 80,000 ลูก ภายใน 1 นาที แต่กลับจะปล่อยให้มีสารพิษที่ทั่วโลกเขาเลิกใช้กันแล้ว มาทำลายสุขภาพเกษตรกรและปนปื้อนอยู่ในอาหารการกิน ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค อย่างนี้แล้ว...จุดขายและศักดิ์ศรีของบ้านเมืองเราจะมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และรุ่งโรจน์ โชติช่วงชัชวาลได้อย่างไร ถ้าความปลอดภัยในอาหารยังไม่มี?!?

มนตรี บุญจรัส

ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ (ไทยกรีน อะโกร)

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ปรีวิว-ฟันธง!ผีขาดเพียบชนสาลิกาบ็อกซิ่งเดย์

‘อนุทิน’เปิดเหตุผลทาบ‘สีหศักดิ์’นั่งแคนดิเดตนายกฯ‘ภท.’ แย้มเลือกตั้งครั้งหน้าใช้‘คนใน’

เบียร์ เดอะวอยซ์ แปลงโฉมเป็นซานตี้สาว สวยละมุนรับคริสต์มาส

'ทภ.2'แจงชัด! 'ศาลโลก'ไม่เคยตัดสินเส้นเขตแดน-พื้นที่รอบ'ปราสาทพระวิหาร'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved