ความคืบหน้ากรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ร้องต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี ขอให้ศาลไต่สวนว่านายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ กรณีนำคลิปเสียงการสนทนาที่คล้ายเสียงของครูปรีชา ไปเผยแพร่ทางเฟสบุ๊ก เพราะช่วงที่นายอัจฉริยะ นำคลิปเสียงไปเผยแพร่นั้น ทุกคดีอยู่ในกระบวนการของศาลแล้ว และศาลจังหวัดกาญจนบุรีนัดไต่สวนข้อเท็จจริงในวันนี้(21 มิ.ย.61)
ล่าสุด วันนี้(21 มิ.ย.61) นายอัจฉริยะ เดินทางด้วยรถตู้ยังศาลจังหวัดกาญจนบุรี ตามนัดพร้อมสอบข้อเท็จจริงตามเลขคดีดำที่ ลบ.1/61 พร้อมกับเปิดเผยว่า ตนมั่นใจในตัวเองว่าไม่มีความผิด เพราะตนไม่ใช่คู่ความในคดีหวย 30 ล้านบาท ที่ผ่านมาตนไม่เคยบอกว่าคลิปเสียงที่นำมาเผยแพร่นั้น เป็นคลิปเสียงใคร นอกจากหากครูปรีชาจะยอมรับว่านี่เป็นคลิปเสียงของครูปรีชาเอง จากนั้นนายอัจฉริยะ จึงขอตัวขึ้นไปที่ห้องพิจารณาคดี 5
ระหว่างนั้นนายปรีชา ได้เดินทางมาถึงพอดี พร้อมให้สัมภาษณ์ ว่า ขอให้กระบวนการในชั้นศาลแล้วเสร็จก่อน เมื่อพูดจบนายปรีชาได้เดินผ่านหน้านายอัจฉริยะ ขึ้นไปที่ห้องพิจารณาคดีทันที โดยก่อนหน้านี้นายสุชพงศ์ บุญเสริม ทนายความ ได้ขึ้นไปรออยู่ก่อนแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่สื่อมวลชนรอการสัมภาษณ์ จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ปรากฏว่า น.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือ “ฟ้า” คนสนิทนายปรีชา ได้เดินทางมาที่ศาลเพียงคนเดียว
น.ส.กนกพรรณ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ที่จริงแล้วอยากจะซื้อข้าวผัดและโอเลี้ยงติดมือมาด้วย เพื่อแสดงความมีน้ำใจ เผื่อมีใครหิวแล้วซื้อไม่ทัน ก็แอบลุ้นอยู่ว่าศาลท่านจะว่าอย่างไร แต่ส่วนตัวที่มาวันนี้เพื่อต้องการคำฟังพิพากษาว่าการนำคลิปมาเผยแพร่นั้นผิดหรือไม่ และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน เพื่อจะยื่นฟ้องนายอัจฉริยะภายในอาทิตย์หน้า จากนั้น น.ส.กนกพรรณ จึงขอตัวขึ้นไปฟังคำพิพากษา
สำหรับการพิจารณาคดีในครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ จึงแล้วเสร็จ จากนั้นนายอัจฉริยะ ได้ลงมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเป็นคนแรก ว่า ศาลท่านได้ยกคำร้อง หลังท่านได้สอบถามข้อเท็จจริง รวมทั้งสอบถามที่มาของคลิปเสียง ซึ่งตนก็ได้แจ้งให้ศาลทราบว่ามีพลเมืองดีนำคลิปมาให้ และพลเมืองดีก็ได้ส่งไปให้หลายที่ไม่ใช่เฉพาะส่งมาให้ตนเท่านั้น
ส่วนตัวไม่ทราบมาก่อนว่าคลิปนั้นเป็นวัตถุพยานในชั้นศาลมาก่อน หากทราบก็คงจะไม่นำมาเผยแพร่ และตนได้ยืนยันกับศาลว่า ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำ แต่เป็นการนำมาเสนอเพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงเท่านั้น
หลังจากที่ศาลได้รับฟังการชี้แจง ศาลท่าจึงได้พิจารณา เห็นว่าการกระทำของตน ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล เนื่องจากขณะนั้นศาลยังไม่ได้มีข้อกำหนดในกรณีดังกล่าวเอาไว้ และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางรูปคดี รวมถึงเพื่อให้กระบวนการพิจารณาเป็นไปด้วยความยุติธรรม และรวดเร็ว ศาลท่านจึงได้วางข้อกำหนดห้ามมิให้ตน นำข้อมูลทุกประเภท ที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล ไปเผยแพร่สู่สาธารณะอีก หากไม่ปฏิบัติตามก็จะเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1) ดังนั้นตนจะต้องระมัดระวัง
ส่วนกรณีที่ น.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือฟ้า ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้คุยอะไร หากเขาจะฟ้องก็ให้เขาฟ้องไปเพราะตนไม่ให้ราคาอยู่แล้ว
ด้านนายสุชพงศ์ บุญเสริม ทนายความนายปรีชา กล่าวว่า ประเด็นในวันนี้ก็อย่างที่ทราบกันว่าวันนี้ศาลได้นัดพร้อมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และศาลท่านได้วินิจฉัยว่า เนื่องจากยังไม่มีการวางข้อกำหนด จึงยกคำร้องว่านายอัจฉริยะ ไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ศาลก็ได้แจ้งให้ระมัดระวังว่าการที่จะนำบางสิ่งบางอย่างไปเปิดเผย จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการพิจารณาคดี หรือต่อสังคม จึงให้ระมัดระวังมากขึ้น ไม่ใช่เรื่องที่จะมาเอาเป็นเอาตาย แต่ขอให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นเอง ซึ่งตนเชื่อว่าคุณอัจฉริยะ ก็คงจะมีเหตุผลพอสมควร จึงได้รับฟังคำตักเตือนของศาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี