นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้สถานการณ์ราคายางพาราจะมีราคาลดลง แต่ยางพารายังเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอนาคต เพียงแต่ชาวสวนยางต้องปรับปรุงและพัฒนาการปลูกยาง เพื่อลดต้นทุนการผลิต และรวมกลุ่มแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์แปรรูปขั้นแรก เช่น ทำยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง น้ำยางข้น เป็นต้น จากนั้นจึงก้าวไปสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่ต้องใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น เช่น ถุงมือยาง ยางล้อ ถุงยางอนามัย หมอนฟองน้ำยางพารา สนามฟุตซอล รองเท้า เป็นต้น ซึ่ง กยท.พร้อมที่จะให้การสนับสนุน ทั้งแหล่งเงินทุน เทคโนโลยี และตลาดที่จะรองรับ
นอกจากนี้ หากเกษตรกรสามารถรวมกลุ่มสร้างโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์จากยางได้ ยิ่งจะช่วยลดการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่า ลาว พม่า กัมพูชา ซึ่งเพิ่งเริ่มปลูกยางและมีพื้นที่จำกัด การที่จะสร้างโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์จากยางนั้นจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ในขณะที่ไทยมีประสบการณ์ในการปลูกยางมายาวนาน มีความเข้มแข็ง มีความพร้อมมากกว่า ซึ่งจะได้เปรียบประเทศเพื่อนบ้าน
“ปัจจุบันยางไม่ได้ล้นตลาด เพราะแทบไม่มีสต๊อกยางเหลืออยู่เลย แต่ที่ขายไม่ได้ราคาเพราะขายเป็นยางดิบ เราจะต้องทำการแปรรูปยาง ใช้ยางในประเทศมากขึ้น ส่งออกในรูปแบบยางดิบน้อยลง เราก็จะไม่มีปัญหาในราคาที่ตกต่ำ เพราะยางดิบมันไม่มีมูลค่าเพิ่ม แต่ยางแผ่นรมควัน ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มันมีมูลค่าเพิ่มหลายร้อยเท่า ชาวบ้านก็จะมีรายได้มากขึ้นและไม่ต้องไปเสี่ยงกับราคายางดิบที่มันตกต่ำ และนี่คือประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าว” นายเยี่ยม กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี