วันนี้ (25 มิ.ย.) นายวรกร พงศ์ธนากุล ประธานเครือข่ายทนายความและประชาชนปกป้องพระพุทธศาสนา เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวพุทธได้รับทราบว่าได้มีการรับฟังความคิดเห็นร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ซึ่งการแก้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ที่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดแต่กลับให้รับฟังความคิดเห็นเพียงเเค่ 7 วัน ดังนั้น ในวันที่ 26 มิ.ย.61 นี้เวลา 13.00 น.ชาวพุทธพร้อมเครือข่ายจะไปพร้อมกันเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและขอให้ขยายระยะเวลาการรับฟังความคิดเห็นออกไปอีก 40 วัน และให้มีหนังสือแจ้งให้วัดทุกวัดได้ทราบ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อไป
ขณะที่ 'อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม' (http://www.alittlebuddha.com/) ซึ่งเป็นเว็บไซด์ที่นำความเคลื่อนไหวของพระสงฆ์มาเผยแพร่ ได้ระบุลงในเว็บไซด์เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า 'อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม' และคณะสงฆ์วัดไทยลาสเวกัส และวัดในเครือในประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้อำนาจแก่ "นายกรัฐมนตรี" ในการเสนอนาม "สมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค" แต่เพียงผู้เดียว เพราะนั่นจะทำให้นายกรัฐมนตรี เป็นสังฆราชอีกตำแหน่งหนึ่ง เพราะเมื่อมีอำนาจเสนอตั้งแต่สมเด็จพระสังฆราชลงมา ถามว่า สมเด็จพระสังฆราช จะทรงมีอำนาจอะไร ก็จะกลายเป็นเพียง "เจว็ด" หรือรูปปั้นบนศาลเจ้าเท่านั้น เพราะลำพัง "สมเด็จพระสังฆราช" ทรงแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค เรายังไม่ไว้วางใจ แล้วจะไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวได้อย่างไร หากเป็นไปจริงก็เท่ากับว่า "ฆราวาสมีอำนาจปกครองพระสงฆ์" อย่างเต็มรูปแบบแล้วในสมัยรัฐบาลทหาร
เราจึงขอเสนอให้มี "คณะกรรมการสรรหากรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค" ไว้ในการแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ฉบับนี้ด้วย อย่าเอาอำนาจไปไว้ในมือนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว เพราะไม่ปลอดภัย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา เว็บไซด์สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (www.krisdika.go.th) ได้เผยแพร่ประกาศการเปิดรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 โดยระบุว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2561 รับหลักการให้มีการจัดทําร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ในประเด็นเกี่ยวกับมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะองค์กรปกครองคณะสงฆ์นั้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 4 เมษายน 2560 ประกอบกับมติ ครม.วันที่ 19 มิถุนายน 2561 ดังกล่าว จึงเปิดรับฟังความเห็นประกอบการจัดทําร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นเวลา 7 วัน ดังนี้
สภาพปัญหา มส. ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ประกอบด้วย สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นประธานกรรมการ สมเด็จพระราชาคณะทุกรูปเป็นกรรมการโดยตําแหน่ง และพระราชาคณะอีกไม่เกิน 12 รูปซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งเป็นกรรมการและมีวาระ 2 ปี แต่ในทางปฏิบัติปรากฏว่าสมเด็จพระราชาคณะซึ่งเป็นกรรมการโดยตําแหน่งมักเป็นผู้เจริญพรรษายุกาล จึงชราภาพ และอาจมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ทําให้ไม่อาจเข้าร่วมประชุมได้สม่ําเสมอ บางครั้งจําเป็นต้องลาการประชุมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เหตุอย่างเดียวกันอาจเกิดได้แม้กับกรรมการอื่นซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง นอกจากนั้น กรรมการบางรูปในขณะนี้ต้องคดีอาญา หรือมีข้อกล่าวหาจนต้องพ้นจากตําแหน่ง จึงไม่ตั้งอยู่ในที่ศรัทธาเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชน ทั้งที่องค์กรนี้ จะต้องเป็นหลักในการปกครองคณะสงฆ์ และก่อให้เกิดการปฏิรูปหรือการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในสังฆมณฑล
จึงสมควรปรับปรุงแก้ไขที่มาและองค์ประกอบของ มส.เสียใหม่ เพื่อให้ได้พระภิกษุผู้มีพรรษาอันสมควร มีจริยวัตรที่เหมาะสมแก่การปกครองคณะสงฆ์ มาเป็นกรรมการและผู้ปกครองคณะสงฆ์ในลําดับชั้นต่างๆ ตลอดจนชักนําให้เกิดการปฏิรูป หรือการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการปกครองคณะสงฆ์และการจัดระเบียบต่างๆ เกี่ยวกับวัดและวัตรปฏิบัติของพระภิกษุให้เรียบร้อยดีงามตามพระธรรมวินัย กฎหมายของบ้านเมือง ความคาดหมายของพุทธศาสนิกชน และจารีตประเพณีอันดีงามของชาติ
หลักการใหม่ให้ยกเลิกองค์ประกอบกรรมการ มส.โดยตําแหน่ง ทั้งนี้ ยังคงให้มีกรรมการอื่นนอกจากประธานกรรมการในจํานวนเท่าเดิม (20 รูป) แต่ถวายพระมหากษัตริย์ให้ทรงแต่งตั้งจากพระภิกษุผู้มีพรรษาอันสมควร และมีจริยวัตรที่เหมาะสมแก่การปกครองคณะสงฆ์ และทรงมีพระราชโองการให้กรรมการดังกล่าวพ้นจากตําแหน่งได้โดยให้นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ หลักเดียวกันนี้ใช้กับการแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าคณะใหญ่และเจ้าคณะภาคด้วยตามที่มีพระราชดําริเห็นสมควร ให้กรรมการ มส. ซึ่งดํารงตําแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่กฎหมายคณะสงฆ์ที่แก้ไข เพิ่มเติมใหม่ใช้บังคับ ยังคงดํารงตําแหน่งต่อไปจนกว่าจะทรงแต่งตั้งกรรมการ มส. ขึ้นใหม่ตามกฎหมายนี้ จึงขอเชิญพระภิกษุและบุคคลทั่วไปแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักการตามประเด็นดังกล่าวเข้ามาได้ทางเว็บไซต์ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา www.krisdika.go.th ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 27 มิถุนายน 2561
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี