"ป.ป.ช." แฉกลุ่มนายทุน ผู้มีอิทธิพล สุมหัวเจ้าหน้าที่ร่วมทุจริตออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินปลอมระบาดหนักมากทั่วประเทศ อีสานนำโด่ง19จังหวัด จ่อชงมาตรการ แก้ปัญหาโกงชง รัฐบาล แก้ไขกฎหมาย-ตรวจสอบสิทธิ์ถือครองส.ค.1-สอบภาษี-การถือครองที่ดินใช้ประโยชน์ กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ
แหล่งข่าวจากป.ป.ช. เปิดเผยว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการจัดทำมาตรการป้องกันการทุจริตเพื่อแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิในที่ดินโดยมิชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดิน ที่กำลังเป็นประเด็นใหญ่ ที่ถูกหน่วยงานรัฐเข้าไปตรวจสอบ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดใหญ่ ๆหรือเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ซึ่งพบว่า มีเอกชน นักธุรกิจ หรือนักการเมืองกลุ่ม ร่วมกับข้าราชการ แสวงหาผลประโยชน์ในการออกเอกสารสิทธิที่โดยมิชอบ และมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนจำนวนหลายคดี
มีรายข่าวแจ้งว่า สำนักงานป.ป.ช. ชี้ปัญหาการทุจริตในการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน ได้สร้างความเสียหายแก่ประเทศ และมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมโดยส่วนรวมอย่างมหาศาล เนื่องจากที่ดินของไทยมีจำนวนจำกัดไม่เพียงพอต่อความต้องการที่ไม่จำกัดของประชาชน หรือผู้มีอำนาจ และผู้มีอิทธิพลบางกลุ่ม จึงส่งผลให้เกิดการร่วมกันทุจริตโดยผู้ขอ ผู้สนับสนุน และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ในกระบวนการขั้นตอนของการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินนั้น พื้นที่ที่มีปัญหารุนแรงส่วนใหญ่เป็นที่ดินมีมูลค่าสูง ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และเป็นพื้นที่มีความสวยงาม
สำนักงานป.ป.ช.ยังได้อ้างอิงข้อมูลจากสื่อมวลชนที่รายงานถึงกลุ่มตระกูลดัง เศรษฐี กลุ่มธุรกิจ นายทุน ที่ถือครองที่ดินแปลงเล็ก แปลงใหญ่ กว่า 958,400 ไร่ กระจายอยู่หลายพื้นที่ ทั้งในกทม. และต่างจังหวัด จึงนำไปสู่การบุกรุกที่ดินของรัฐเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีข้อมูลเบื้องต้นสรุปว่า การร้องเรียนเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตในการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบ ระหว่างปี 2543-2560 โดยใช้ข้อมูลจนถึงเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2559 รวมทั้งสิ้น 131 เรื่อง แบ่งเป็นเรื่องที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 80 เรื่อง อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง 7 เรื่อง และอยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง 44 เรื่อง
ทั้งนี้พฤติการณ์ถูกกล่าวหาโดยสรุป คือ 1.เรียกรับเงินเพื่อออกเอกสารสิทธิ์ 2.ออกเอกสารสิทธิ์โดยการสวมสิทธิ์แทนบุคคลอื่น 3.ออกเอกสารสิทธิ์ทับพื้นที่ป่าสงวน/ที่สาธารณะ/ที่ของบุคคลอื่น 4.ออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ที่ไม่สามารถออกได้ (พื้นที่ภูเขา/ลาดชัน) ส่วนพื้นที่ที่ถูกร้องเรียน แบ่งเป็น 5 ภาค คือ
1.ภาคกลาง 14 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ชัยนาท นนทบุรี นครสวรรค์ นครปฐม ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี สมุทรปราการ และสมุทรสงคราม
2.ภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช ปัตตานี ภูเก็ต พังงา ระนอง สุราษฎร์ธานี และสงขลา
3.ภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร พะเยา เพชรบูรณ์ พิษณุโลก แพร่ เชียงใหม่ เชียงราย สุโขทัย และอุตรดิตถ์
4.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา นครพนม มุกดาหาร มหาสารคาม บึงกาฬ บุรีรัมย์ ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สุรินทร์ ศรีสะเกษ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และอุดรธานี 5.ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ตราด ปราจีนบุรี และระยอง
สำหรับข้อเสนอของสำนักงาน ป.ป.ช.ต้องการให้รัฐบาลมีมาตรการทางภาษี และมาตรการตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเคร่งครัดกับผู้ถือครองที่ดินจำนวนมาก โดยให้นำมาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินมาบังคับใช้อย่างเคร่งครัด และให้รัฐบาลมีนโยบายปราบปรามผู้ใช้อิทธิพลในการออกเอกสารสิทธิ มีการลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และจัดให้มีมาตรการคุ้มครองเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนในพื้นที่เศรษฐกิจที่ดินมีราคาสูง เช่น จ.ภูเก็ต จ.เชียงราย ดังนั้นการออกเอกสารสิทธิ์ กรมที่ดินควรมีหลักเกณฑ์พิจารณาอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ ให้การออกเอกสารสิทธิ์เป็นไปโดยถูกต้อง
นอกจากนี้เห็นควรให้ยกเลิกแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) โดยแก้ไขมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ.2551 กำหนดให้ผู้มีหลักฐานถือครอง ส.ค.1 และกรมที่ดินยังไม่ได้ดำเนินการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน มายื่นคำขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ภายใน180 วัน เพื่อตรวจสอบและพิสูจน์การครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดิน หากไม่มายื่นคำร้องในเวลากำหนด ให้ถือว่า ไม่ประสงค์ถือครอง และถือว่า ยกเลิกแบบแจ้งการครอบครอง ส.ค.1
“รัฐบาลควรกำหนดนโยบายดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้ โดยกำหนดเป็นนโยบายระดับชาติ และรัฐบาลที่เข้ามาบริหารต่อเนื่องไม่ควรเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ รวมถึงให้จัดทำฐานข้อมูล และระบบการบริหารงานที่ดินบนฐานข้อมูลเดียว เผยแพร่ในระบบออนไลน์ให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้ด้วย อย่างไรก็ตามรายงานดังกล่าวหากทางป.ป.ช.สรุปและรวบรวมเสร็จแล้ว จะได้เตรียมเสนอเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณา ในมาตรการป้องกันการทุจริต เพื่อแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินโดยมิชอบ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติต่อไป หากพบหน่วยงานใดไม่ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ให้ถือว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และมีความผิดต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย” แหล่งข่าว ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี