จากกรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา คู่กรณี ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ที่ฟ้องแย่งเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท ต่อมานายปรีชา ใคร่ครวญ ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1863/61 ข้อหา ยักยอกทรัพย์ รับของโจร และศาลได้มีการนัดไต่สวนมูลฟ้องนัดแรกเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยในวันดังกล่าวนายปรีชา เป็นผู้ถูกไต่สวนรายแรก ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนอีกครั้งหนึ่งในวันนี้ 29 มิ.ย.ในเวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี
สำหรับการไต่สวนมูลฟ้องครั้งนี้ นายปรีชา ไม่ได้เดินทางมาตามเวลาที่ศาลได้นัดเอาไว้ ศาลจึงพิจารณาเลื่อนนัดสืบครูปรีชา ออกไปเป็นช่วงบ่ายของวันนี้ เป็นเหตุทำให้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ครอบครัวและทีมงานทนายความฯ รวมทั้งนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความของครูปรีชา ใคร่ครวญ นายสุชพงศ์ บุญเสริม ทนายความส่วนตัวของเจ๊บ้าบิ่น ตัวของเจ๊บ้าบิ่น และเจ๊พัช ต้องรอการกลับมาของครูปรีชา และเมื่อถึงเวลาบ่ายโมงผลปรากฏว่า ครูปรีชา ยังคงไม่ได้เดินทางมาที่ศาลตามเดิม แต่การไต่สวนมูลฟ้องก็ยังคงดำเนินการต่อไปจนกระทั่งเวลา 17.00 น.จึงแล้วเสร็จ จากนั้นนายษิทรา และ ร.ต.ท.จรูญ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อน ส่วนนายนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส และนายสุชพงศ์ บุญเสริม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในภายหลัง
ทั้งนี้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เปิดเผยว่า ครูปรีชาไม่ได้เดินทางมาที่ศาล โดยอ้างเหตุผลว่าผู้บังคับบัญชายังไม่ได้อนุมัติให้มีการลา ซึ่งตนก็ได้มีการแถลงต่อศาลบอกไปว่า ตัวครูปรีชารูอยู่แล้วว่าจะต้องขึ้นศาลในวันนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย.ถ้าจะลาให้ทันก็ควรต้องขอลาล่วงหน้าก่อนสัก 1-2 อาทิตย์ก็ยังคงพอมีเวลา แต่ว่าวันนี้ศาลท่านก็ได้ให้โอกาสว่าให้เลื่อนไปสืบครูปรีชาอีกครั้งหนึ่ง และหากครูปรีชาไม่มา ศาลท่านก็จะถือว่าเป็นการประวิงคดี และคงจะมีมาตรการณ์ต่อไป
ซึ่งในวันนี้ก็เป็นการสืบพยานแวดล้อมเล็กๆน้อยๆไปอีก 2 ปาก และสืบ น.ส.พัชริดา ไปอีก 1 ปากแต่ยังไม่จบปาก เดี๋ยวก็คงจะมาสืบในภายหน้า ซึ่งศาลนัดครั้งต่อไปอีก 3 นัดคือวันที่ 23 ก.ค.วันที่ 20 ส.ค.และวันที่ 24 ก.ย.61 อันที่จริงตนก็ต้องการสืบให้เสร็จโดยเร็ว สำหรับพยานแวดล้อมที่มาสืบ 2 ปาก ไม่ได้มีความสำคัญอะไรต่อคดี โดยเป็นเจ้าหน้าที่นิติกรจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และอีก 1 คน เป็นยี่ปั๊วที่จากศูนย์การค้าตลาดไทยที่รวบรวมสลากแล้วนำมาขายให้กับ น.ส.พัชริดา หรือเจ๊พัชสำหรับทนายที่ทำหน้าที่แทนในวันนี้เป็นทนายความของเจ๊บ้าบิ่น ไม่ใช่ทนายวรยุทธ
สำหรับวันนี้ดูแล้วไม่มีอะไรเลย ไม่มีสาระสำคัญอะไร แต่สำคัญอยู่ที่ครูปรีชา ซึ่งนัดหน้าก็ยังไม่รู้ว่าครูปรีชาจะมาหรือไม่ แต่ถ้าไม่มาศาลก็จะถือว่าเป็นการประวิงคดีแล้ว เพราะว่าครูปรีชาทราบนัดโดยชอบแล้ว จึงควรจะต้องมาศาลเพราะตัวเองนั้นเป็นโจทก์ด้วย โจทก์ในคดีอาญาต้องมาศาล ถ้าไม่มาถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องได้ สำหรับวันนี้ตนไม่ได้ซักถามใครเลยเพราะว่าหมดเวลาเสียก่อน และการเบิกความก็ยังไม่จบคาดว่าต้องอีกยาวนานพอสมควร
ในวันนี้เราได้ฟ้องละเมิดศาลเพิ่มเติมมีทั้งหมด 4 คน ประกอบไปด้วยครูปรีชา ทนายวรยุทธ ดร.เทอดศักดิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของเพจวิหกนิวส์ และมีทนายความอีกหนึ่งคน ซึ่งตนจำชื่อไม่ได้ ซึ่งศาลได้นัดพิจารณาในวันที่ 19 ก.ย.นี้ และถ้าหากศาลดูแล้วละเมิดอำนาจศาล ที่ได้ร่วมกันเอาสำเนาในสำนวนหลักฐานไปเผยแพร่ ก็จะมีโทษจำคุกถึง 6 เดือน แต่ก็ไม่ได้มีผลต่อรูปคดี เพราะศาลสามารถลงโทษได้หลายอย่างเริ่มตั้งแต่ ปรับ ตักเตือน จนกระทั่งติดคุก
ส่วนหมวดจรูญ ตอบสื่อมวลชนเพียงสั้นๆว่า ส่วนตัวแล้วไม่รู้สึกอะไร แต่รู้สึกเป็นห่วงเด็กๆที่ติดอยู่ภายในถ้ำ หลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย มากกว่า และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันค้นหาให้พบโดยเร็ว โดยหลังจากที่หมวดจรูญให้สัมภาษณ์แล้วเสร็จก็ได้เดินทางกลับทันที
ต่อมานายสุชพงศ์ พร้อมด้วยนายวรยุทธ จึงออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ซึ่งสื่อมวลชนได้ถามนายสุชพงศ์ว่า ทราบว่าวันนี้ได้เป็นทนายความแทนทนายวรยุทธ ใช่หรือไม่ นายสุชพงศ์ ตอบว่า วันนี้ไม่ได้มาทำหน้าที่แทนใคร ที่จริงตัวความนั้นสามารถแต่งทนายกี่คนก็ได้ แต่เมื่อถึงเวลาซักความสามารถซักได้เพียงคนเดียวต่อปาก จริงๆแล้ววันนี้ตั้งใจจะมาซักในส่วนของ น.ส.พัชริดา หรือเจ๊พัช กับเจ๊บ้าบิ่น เพราะเรารู้ข้อเท็จจริงของเขามาโดยตลอด แต่บังเอิญระยะเวลามันสั้น เราก็เลยซักเผื่อปากอื่นไปด้วยก็คือทางเจ้าหน้าที่กองสลากฯ
ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่มีอะไร เพราะการซักความนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่มาเล่าให้ศาลฟัง แต่เราเล่าในเรื่องที่เป็นจริง เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงให้ชัดและกระจ่าง ผมถึงบอกว่าการเป็นคดีนั้นมันจะไม่ยุ่งยากเลยถ้าเราทำความจริงให้มันมันชัดเจน ถ้าข้อเท็จจริง ไม่กระจ่างข้อกฎหมายก็ไม่มีผล เหมือนกับที่ถ่ำ ถ้าทำให้สว่าง ทำให้น้ำมันลด 13 คนก็จะหาเจอ
ด้านนายวรยุทธ เปิดเผยว่าการที่ครูปรีชาไม่ได้เดินทางมาที่ศาลเนื่องจากติดงานราชการ แต่ว่านัดหน้านั้นมาอย่างแน่นอน ซึ่งอันที่จริงแล้วครูปรีชาก็อยากจะมา เพียงแต่ว่ามีข้อของกฎหมายนิดหน่อย ซึ่งศาลได้วินิจฉัยแล้วว่าต้องให้ครูปรีชามาอีกครั้งหนึ่งซึ่งคงไม่ขัดข้องอะไร เพียงแต่ว่าวันนี้เราได้ไปทำเรื่องขอลาราชการเพื่อที่จะเดินทางมาศาลในช่วงบ่าย แต่ปรากฎว่าผู้บังคับบัญชายังไม่ได้เซ็นต์ ดังนั้นครูปรีชาจึงเดินทางมาไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมครูปรีชาไม่ได้ทำเรื่องเอาไว้ก่อน นายวรยุทธ ตอบว่าก็อย่างที่บอกมันมีเรื่องของข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องของคดีที่ศาลท่านจะต้องวินิจฉัยชี้ขาด ซึ่งในวันนี้เราเชื่อว่าครูปรีชาไม่จำเป็นต้องมาแล้ว เพียงแต่ว่าวันนี้ศาลวินิจฉัยว่าให้ครูปรีชามา ดังนั้นนัดหน้าเราก็ให้ครูปรีชาเดินทางมาก็แค่นั้นเอง ถามว่าการที่พยานจากกองสลากและยี่ปั๊ว เดินทางมาในครั้งนี้ มีผลอย่างไรบ้าง นายวรยุทธ ตอบว่าวันนี้ทนายสุชพงศ์ เป็นผู้ซักถาม ซึ่งก็ได้เบิกความไปตามความจริง ซึ่งเป็นพยานจากกองสลากที่เราขอให้มา และได้สืบไปตามข้อเท็จจริงตามที่พยานทั้งสองรู้เห็น
ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า กรณีที่ทางทนายตั้ม ร้องละเมิดอำนาจศาลในวันนี้ มีทั้งหมด 4 คน ตรงนี้รู้สึกหนักใจหรือไม่ นายวรยุทธ ตอบว่า มันก็มีลักษณะคล้ายกับกรณีของนายอัจฉริยะ เมื่อมีการร้องศาลก็ให้มาตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งก็ไม่มีอะไร ผู้สื่อข่าวถามว่าต้นตอการร้องละเมิดอำนาจศาลครั้งนี้มาจากอะไร
นายวรยุทธตอบว่า อันนี้ไม่ทราบ จะต้องไปถามทนายตั้มเอาเอง เพราะตนไม่ทราบ แต่ก็ไม่เป็นอะไร เพราะศาลท่านจะนัดสอบข้อเท็จจริงในวันที่ 19 ก.ย.นี้
สำหรับคดีที่มาศาลในวันนี้ จะนัดสืบอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 23 ก.ค.และในวันดังกล่าวจะมีการพิจารณาคดีในส่วนที่เราฟ้องกลับหมวดจรูญ และทนายตั้ม กรณีที่ทนายตั้ม และหมวดจรูญ ฟ้องครูปรีชา เจ๊บ้าบิ่น และเจ๊พัช เบิกความเท็จ ดังนั้นในวันที่ 23 ก.ค.จะมีทั้งหมด 2 คดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี