เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้บริหารสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมการเรียนการสอน “มิติใหม่หลักสูตรไทย ชั้นเรียนวิทยาการคำนวณ” ของโรงเรียนหนองเสือวิทยาคม อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี หลักสูตรใหม่ที่สสวท.เป็นผู้พัฒนาก่อนส่งมอบให้กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เพื่อนำไปบรรจุหลักสูตรให้นักเรียนทั่วประเทศ
ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า สสวท.ดำเนินการงานพัฒนาหลักสูตร หนังสือเรียน สื่อ ตลอดจนส่งเสริมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้นักเรียนพัฒนาตามศักยภาพอย่างยั่งยืน โดยสำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้เพิ่มสาระเทคโนโลยีเป็นสาระที่ประกอบด้วย วิชาการออกแบบและเทคโนโลยี และวิชาวิทยาการคำนวณ ซึ่งปรับเปลี่ยนจากเดิมจากสอนให้เป็นผู้ใช้ (user)คอมพิวเตอร์ สู่การเป็นผู้ที่มีทักษะกระบวนการคิดอย่างมีระบบ สามารถใช้ความรู้พัฒนาการทำงาน สร้างนวัตกรรมที่เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ชีวิต และอนาคตได้
"การเรียนรู้วิทยาการคำนวณ หรือ Computing science นักเรียนจะไม่ได้เรียนแค่โปรแกรมพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ หรือเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์แค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่จะได้กระบวนการคิดเชิงวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ สามารถนำมาปรับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์ในสาขาวิชาต่างๆ เพราะวิชาการคำนวณเป็นกระบวนการความคิดเชิงวิเคราะห์ เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาของมนุษย์ โดยเป็นการสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานและช่วยแก้ไขปัญหาตามที่เราต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ"ศ. ดร.ชูกิจกล่าว และว่าหลักสูตรใหม่และการเรียนรู้ของเด็กไทยในวันนี้จึงต้องปรับเปลี่ยน เพื่อให้ทันสังคมโลกที่เปลี่ยนไป โดยเน้นที่การสร้างคนให้มีทักษะการคิด วิเคราะห์ จัดลำดับ แก้ปัญหา และเข้าใจภาษาคอมพิวเตอร์ สามารถใช้ความรู้เป็นประโยชน์ในการยกระดับคุณภาพชีวิต การทำงาน การสร้างอาชีพที่แข่งขันได้ในโลกไร้พรมแดน ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากคนเป็นผู้ขับเคลื่อนเทคโนโลยี
ด้านดร.วรวรงค์ รักเรืองเดช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สสวท. กล่าวว่า ชั้นเรียนวิทยาการคำนวณ เป็นการสอนเพื่อเปลี่ยนแปลงความคิดให้สามารถคิดวิเคราะห์กำหนดรายละเอียดของปัญหา วางแผน ดำเนินการ และตรวจสอบประเมินแก้ปัญหาต่างๆได้ จากเดิมที่เรียนแบบท่องจำ ขณะที่ปัจจุบันมีปัญหาหลายรูปแบบเข้ามาในยุคที่เปลี่ยนแปลงทุกวินาที ซึ่งบางเรื่องหากใช้แต่วิธีท่องจำจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ถ้าหากสอนเด็กให้สามารถแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและให้นักเรียนกล้าคิด เชื่อว่าจะทำให้เด็กมีคุณภาพ มีความฉลาดทางความคิด สามารถตัดสินใจและวิเคราะห์แก้ปัญหาภาพใหญ่ได้ด้วยตนเอง
ขณะที่นางอัญชลี เกตุบำรุง ผู้อำนวยการโรงเรียนหนองเสือวิทยาคม กล่าวว่า ปัญหาที่ผ่านมานักเรียนไม่กล้าแสดงออกและมีปัญหาด้านการคิดวิเคราะห์ แต่เมื่อมีการเรียนการสอนวิชาวิทยาการคำนวณทำให้นักเรียนได้รู้จักการวางแผน คิดวิเคราะห์ อีกทั้งนักเรียนเกิดการมีส่วนร่วมและรู้สึกสนุกสนาน สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งการวางแผนในชีวิตและการเรียน มีทักษะชีวิตเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกระบวนการคิดที่เห็นชัดเจน เมื่อก่อนนักเรียนจะใช้วิธีการท่องจำ ครูถ่ายทอดความรู้จะจด ท่อง และนำไปสอบ แต่ปัจจุบันนักเรียนลงมือปฏิบัติมากขึ้นทำให้เด็กจำได้ดีขึ้น ที่สำคัญคิดวิเคราะห์เก่งและกล้าแสดงออกมากขึ้นด้วย
นายเรวัตร งะบุรงค์ อาจารย์โรงเรียนหนองเสือวิทยาคม จ.ปทุมธานี อาจารย์ผู้สอนกล่าวว่า ในการแก้ปัญหาจากการทำงานหรือชีวิตประจำวัน แต่ละคนมีขั้นตอนและใช้เวลาในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์ ซึ่งในชั้นเรียนวิทยาการคำนวณนี้ เราจะปลูกฝังวิธีการคิดแก้ปัญหาให้เกิดประสิทธิภาพ ถูกต้องและรวดเร็ว
สำหรับชั่วโมงนี้เราได้นำกระบวนการจัดการเรียนการสอนการเขียนโปรแกรมโดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่า Unplugged สอนลำดับการคิดที่เรียกว่าขั้นตอนวิธี หรืออัลกอริทึม ให้กับนักเรียนเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนวิธีในการแก้ปัญหา โดยใช้โจทย์ปัญหาที่เป็นสถานการณ์ที่นักเรียนพบเจอในชีวิตประจำวัน ฝึกวิธีคิดให้เป็นลำดับขั้นตอน เช่นหากนักเรียนต้องการใส่เสื้อเชิ้ต ลำดับขั้นตอนวิธีในการใส่เสื้อเชิ้ต ที่ต้องเริ่มต้นจากการหยิบเสื้อ สวมเสื้อแขนขวา สวมเสื้อแขนซ้าย และติดกระดุม การทำงานเป็นลำดับดังกล่าว
ด.ญ.จนิญญา เกสรธรรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/3 กล่าวว่า จากที่ได้เรียนวิชาวิทยาการคำนวณนั้น ทำให้ทราบถึงวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆในการดำเนินชีวิต จากเดิมที่วุ่นวายและแก้ไขอย่างไม่เป็นขั้นตอน เช่น ลืมรีดชุดนักเรียน ลืมจัดตารางสอน จัดตารางสอนผิดวัน เป็นต้น ปัจจุบันสามารถนำความรู้ไปแก้ปัญหาได้อย่างเป็นขั้นตอนและง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังนำไปใช้ประยุกต์กับการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้ด้วย.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี