ผู้ใหญ่บ้านออกมายืนยันถูก อำเภอหักหัวคิวค่าอาหารโครงการไทยนิยมยั่งยืนจริงหมู่บ้านละ 2,000 บาท ขณะกรมการปกครองตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมมีคำสั่งย้ายเข้ากรมฯ จนกว่ากระบวนการสอบสวนจะแล้วเสร็จ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะจังหวัดย้ำทุกหมู่บ้าน ตำบลดำเนินการอย่างโปร่งใสหากพบทุจริตเอาผิดทั้งวินัย แพ่ง และอาญา
12 ก.ค.61 ความคืบหน้ากรณีที่ตัวแทนชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านใน จ.บุรีรัมย์ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ให้ตรวจสอบเอาผิดนายอำเภอโนนสุวรรณคนปัจจุบัน โดยกล่าวหาว่า นายอำเภอคนดังกล่าวมีพฤติกรรมทุจริตเงินงบประมาณโครงการไทยนิยมยั่งยืน หมู่บ้านๆ ละ 200,000 บาท
โดยตัวแทนชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านที่เข้าร้องเรียน ระบุว่า นายอำเภอ ได้หักหัวคิวค่าอาหารในการจัดเวทีประชาคมรับฟังความคิดเห็นของแต่ละหมู่บ้าน ซึ่งจะได้รับงบค่าอาหารเวทีละ 4,000 บาท โดยมีการลงในใบเสร็จรับเงิน 4,000 บาท แต่กลับได้รับยอดเงินค่าอาหารจริงเพียง 3,500 บาท ถูกหักหัวคิวครั้งละ 500 บาท
ซึ่งจากการสอบถามพบว่าทั้ง 56 หมู่บ้านใน อ.โนนสุวรรณ ถูกหักหัวคิวค่าอาหารในโครงการไทยนิยมยั่งยืนไปหมู่บ้านละ 2,000 บาท รวม 56 หมู่บ้าน เป็นเงินทั้งสิ้น 112,000 บาท ทั้งนี้ ชาวบ้านยังได้ร้องเรียนกล่าวหาว่านายอำเภอ มีพฤติกรรมทุจริตเงินจากการจัดงานประเพณีของดีโนนสุวรรณอีก
ล่าสุด ตัวแทนผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ อ.โนนสุวรรณ ได้ออกมายืนยันว่า ถูกทางอำเภอหักหัวคิวค่าอาหารโครงการไทยนิยมยั่งยืนจริง หมู่บ้านละ 2,000 บาท โดยให้ข้อมูลว่า หลังจากได้รับมอบหมายให้จัดหาชาวบ้านเข้าร่วมประชุมประชาคมหมู่บ้านละประมาณ 100 คน โดยจะให้ค่าอาหารหัวละ 40 บาท รวมเป็นครั้งละ 4,000 บาท โดยแต่ละเวทีจะให้ทางผู้ใหญ่บ้านสำรองเงินค่าอาหารให้แม่ครัวที่ประกอบอาหารไปก่อน
แต่พอรับเงินกลับให้กำนันแต่ละตำบลซึ่งใน อ.โนนสุวรรณ มีทั้งหมด 4 ตำบล เป็นคนไปเซ็นรับเงินกับทางอำเภอ ซึ่งในใบเสร็จก็มีการเซ็นรับเงินมา 4,000 บาท แต่กลับนำเงินมาจ่ายค่าอาหารให้กับหมู่บ้านเพียง3,500บาท ซึ่งจากการสอบถามผู้ใหญ่บ้านด้วยกันก็พบว่า ได้รับยอดเงินมาเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเงินที่ถูกหักหายไปไหน ซึ่งมองว่าการกระทำดังกล่าวไม่มีความโปร่งใส จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และหากมีการกระทำทุจริตจริงก็อยากดำเนินการเอาผิดทั้งวินัยและอาญา เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน
ขณะที่ทางกรมการปกครอง ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว และช่วงที่มีการสอบสวนก็ได้มีคำสั่งย้ายนายอำเภอที่ถูกร้องเรียน ไปช่วยราชการชั่วคราวที่กรมการปกครองจนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ โดยมีผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง เขต 14 เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดดังกล่าว ทั้งนี้ ก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งขณะนี้เมื่อยังไม่สรุปผลสอบก็ถือว่าทุกฝ่ายยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งการสอบสวนก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เพราะต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบและให้เกิดความเป็นธรรมโปร่งใสมากที่สุด
ด้านนายวงเทพ เขมวิรัตน์ ปลัดจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นทางจังหวัดไม่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากทางกรมการปกครอง ได้ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้วจึงไม่อยากให้เกิดการซ้ำซ้อนกัน ในส่วนของจังหวัดก็ได้เน้นย้ำให้ทุกอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ดำเนินการอย่างถูกต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ หากพบมีการร้องเรียนและผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีข้อมูลหลักฐาน ว่าบุคคลใดมีการกระทำทุจริต ก็จะต้องถูกดำเนินการเอาผิดทั้งทางวินัย แพ่ง และอาญาโดยไม่มีการละเว้น เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลและงบประมาณของแผ่นดิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี