เร่งมือกู้ศพสุดท้าย
เหยื่อเรือฟินิกซ์ล่ม
‘บิ๊กโจ๊ก’ลุยภูเก็ต
เชือดนอมินีทัวร์จีน
ชุดปฏิบัติการเดินหน้ากู้ศพสุดท้ายเหยื่อเรือฟินิกซ์ล่ม ด้าน “บิ๊กโจ๊ก” เยือนภูเก็ตเสาร์นี้จัดหนักนอมินีทัวร์จีน ล่าสุดพบพิรุธ บริษัทเรือล่มแจ้งผลกำไรจิ๊บจ๊อย พร้อมเอาผิด 10 จนท.รัฐละเลยปล่อยให้ธุรกิจเรือฉาวรุกที่สาธารณะทำท่าจอดเรือ
เมื่อเวลา 05.45 น.วันที่ 12 กรกฎาคม เรือหลวงทองหลาง เรือหลวงหัวหิน และเรือหลวงปันหยี ออกจากท่าเทียบเรือศูนย์วิจัยฯ ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ไปยังจุดที่เรือฟีนิกซ์ จม เพื่อเริ่มปฏิบัติการเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตรายสุดท้าย ซึ่งเป็นรายที่ 47 พร้อมด้วยทีมประดาน้ำกองทัพเรือ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย GUANGZHOU SALVAGE ของประเทศจีน และหน่วยกู้ชีพมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ร่วมปฏิบัติการ โดย สภาพอากาศมีฝนตกลงมาเล็กน้อย คลื่นลมในทะเลสูง 2-3 เมตร
สำหรับนักท่องเที่ยวผู้ประสบเหตุ 89 คน รอดชีวิต 42 คน เสียชีวิต และเก็บกู้มาแล้ว 46 ศพ เหลือ 1 ศพ ที่หาทางเก็บกู้อยู่ในขณะนี้
เวลา09.45 ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่ม จังหวัดภูเก็ต (ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง) นายนรภัทร ปลอดทอง ผวจ.ภูเก็ต ยืนยันต้องกู้ศพสุดท้ายให้แล้วเสร็จ ตามที่สภาพอากาศจะเอื้ออำนวย ส่วนศพผู้เสียชีวิต ทางญาติขอส่งกลับประเทศจีน 11 รายที่เหลือจะทะยอยฌาปนกิจที่กูเก็ต
ขณะที่นายพงศ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทย จำนวน 10 ล้านคน และมีการใช้จ่ายกว่า 5 แสนล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวเดินทางมาภูเก็ตปีละประมาณ 3 ล้านคน และมีการใช้จ่ายประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาท ในพื้นที่ ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในส่วนของตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ลดลง แม้ว่า จะมีการยกเลิกการจองล่วงหน้า หรือ Advance Booking ประมาณ 10-15% ก็ตาม แต่เชื่อว่า จากมาตรการที่ทางฝ่ายไทยเร่งดำเนินการในขณะนี้ จะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้โดยเร็ว
วันเดียวกัน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. เปิดเผยว่า ในวันเสาร์นี้จะลงพื้นที่ไปตรวจดูผลการกู้ซากเรือฟินิกซ์ ไดร์ฟวิ่ง และจะให้ผู้เชี่ยวชาญทำการชี้จุดที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเหตุเรือล่ม ว่าเป็นไปตามข้อสันนิษฐานจากคำให้การของนายช่างที่รับผิดชอบต่อเรือหรือไม่
นอกจากนี้จะเชิญผู้ประกอบการธุรกิจทัวร์ท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต เข้าให้ข้อมูลเบาะแสทัวร์ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยเพิ่มเติม และเพื่อให้เกิดความมั่นใจเรื่องการปราบปรามทัวร์ที่มีการว่าจ้างนอมินีเป็นคนไทย ทั้งนี้ ในเรื่องของการสืบสวนขณะนี้ได้ทำการรวบรวมตรวจยึดเอกสารต่างๆ อาทิ เอกสารทางภาษี การก่อตั้งบริษัท อีกทั้งได้การดำเนินการแบ่งเป็นสองส่วน
โดยส่วนแรกการดำเนินคดีคนไทยที่เป็นลักษณะนอมินี ซึ่งได้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง 5 ราย คือนายอิทธิโรจน์ ชวาลพิพัฒน์พงศ์ หรือเฮียช้าง ในฐานความผิดบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน เบื้องต้นพบความผิดชัดเจน หลังรับว่าเป็นผู้ดำเนินการสร้างเส้นทางบ้านพัก และบาร์ริมทะเล รวมถึงยังเตรียมสร้างเป็นท่าเทียบเรือให้บริการนักท่องเที่ยวด้วย นายเถิง ซึ่งเป็นผู้ดูแลบริษัทเลซี่แคททราเวล จำกัด ในฐานความผิดกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต หลังสืบทราบว่าเป็นผู้ฝ่าฝืนประกาศแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยาสั่งเรือนำเที่ยวออกไปจนเกิดเหตุ และผู้ดูแลกิจการของนายช้างอีก 3 นาย
ส่วนที่สองคือ คือการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้กล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐที่มีพฤติกรรมปล่อยปะละเลย เพิกเฉย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือส่วนหน่วยงานราชการที่อาจเข้าข่ายปล่อยปละละเลย โดยได้ส่งรายชื่อให้ ปปช.พิจารณาตรวจสอบแล้ว 4-5 หน่วยงาน แต่ขอไม่เปิดเผยรายละเอียด
ในส่วนการตรวจสอบนอมินีข้ามชาติ คือการเข้ามาใช้ทรัพยากรในประเทศไทยแล้วรายได้ไม่เข้าประเทศ ทุกวันนี้ทัวร์ศูนย์เหรียญหมดสิ้นแล้ว แต่การเปลี่ยนโฉมโดยให้คนไทยเข้ามาถือครองสิทธิ์เป็นเจ้าของบริษัทแทน ขอยืนยันว่าในส่วนนี้คนภูเก็ต คนพังงาไม่ต้องกังวลใจ เราจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ซึ่งการดำเนินการในลักษณะนอมินีนี้เช่นนี้สร้างความเสียหาย ซึ่งเมื่อก่อนเป็นแค่ลูกจ้างธรรมดาแต่ปัจจุบันเป็นเจ้าของธุรกิจหลายร้อยล้าน แบบนี้เสียหาย
มีรายงานว่าสำหรับการดำเนินการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการปล่อยปะละเลยเอื้อประโยชน์กับกลุ่มทุนต่างๆ นั้น ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ส่งรายชื่อให้ทางปปช.และทาง ปปท. เป็นที่เรียบร้อย มีจำนวนกว่า 10 ราย ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐในระดับปฏิบัติการ ถึงขั้นผู้ชำนาญการ
ขณะเดียวกันกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบสถานะของบริษัทนำเที่ยวทั้ง 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เลซี่ แคททราเวล จำกัด และ บริษัท ทีซี บลูดรีม จำกัด เกี่ยวกับผู้ถือหุ้นต่างๆ ซึ่งทั้ง 2 บริษัทจดทะเบียน มีวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจนำเที่ยวถูกต้อง แต่มีข้อพิรุธในเรื่องของการแจ้งผลประกอบการ ซึ่งมีการแจ้งผลกำไรเพียงหลักแสนบาทเท่านั้น โดยส่วนนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ว่ามีการเลี่ยงภาษีหรือไม่
ด้านความคืบหน้า เรือMV.NP Love Gistic2 ซึ่งเป็นเรือขนส่งสินค้าภายในตู้คอนเทนเนอร์บรรทุกสินค้า เป็นไม้ยางพาราแปรรูป ถูกคลื่นยักษ์สูง5เมตรซัดปางที่บริเวณ เกาะหลาวเหลียง กับ เกาะตะเกียง ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ส่งผลให้ตู้สินค้าจำนวน 17 ตู้จมดิ่งลงทะเลแต่โชคดีที่ลูกเรือ 11 คนได้รับความช่วยเหลือปลอดภัยทุกคน
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ประสานเจ้าของเรือและหน่วยงานทุกฝ่ายเพื่อเก็บกู้ตู้คอนเทนเนอร์กลางทะเลแล้ว พร้อมออกคำสั่งเข้มงวดในการเดินเรือในละแวกดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี