13 ก.ค.61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวผ่านรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ถึงเหตุการณ์กู้ภัยและช่วยเหลือ 13 เยาวชนและโค้ชทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี่ ที่ติดอยู่ภายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นเวลา 17 วัน ว่า ภารกิจครั้งนี้ นับเป็นการกู้ภัยครั้งประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ ที่ไม่มีเส้นแบ่งทางเผ่าพันธุ์ ชนชาติ หรือศาสนา โดยจิตอาสาจากทั่วโลกได้ทำงานร่วมกันเพื่อเป้า คือ การรักษา 13 ชีวิตในถ้ำ จนประสบความสำเร็จด้วยดี วันนี้จึงอยากชี้ชวนให้คนไทยช่วยกันคิดไปข้างหน้า เพื่อขยายผลประเด็นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
ประเด็นแรก การจัดทำแผนบทเรียน อาทิ การบันทึกสิ่งที่ได้ดำเนินการไประหว่างภารกิจ ที่อธิบายถึงกระบวนการคิด การบริหารจัดการ แผนงาน แผนเผชิญเหตุ การถ่ายทอดประสบการณ์ ข้อมูลทางสถิติต่างๆ ของบุคคล และหน่วยงานตามบทบาทหน้าที่ของตน หรือที่ต้องปฏิบัติร่วมกับผู้อื่น รวมทั้งองค์ความรู้ใหม่ๆ จากผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติในทุกๆ สาขาวิชาชีพที่ได้มารวมกันในครั้งนี้ ทั้งธรณีวิทยา ถ้ำวิทยา อุทกวิทยา การดำน้ำ การดำน้ำในถ้ำ การเจาะน้ำบาดาล การบริหารการไหลเวียนของน้ำ รวมถึงการบริหารจัดการพื้นที่ จนถึงกิจกรรมสนับสนุนอื่นๆ ทั้งเรื่องอาหาร การพยาบาล สุขาภิบาล ที่พักผ่อน พักแรม เป็นต้น
"ทั้งหมด ทั้งปวง ต้องถูกบันทึกอย่างเป็นระบบ ตามแนวทาง KM หรือ การจัดการความรู้สำหรับเป็นบทเรียน และให้การศึกษาแก่เยาวชน และประชาชนเจ้าของพื้นที่ สามารถนำมาฝึกฝนทักษะ เพิ่มพูนความรู้ ความ สามารถ แก่เจ้าหน้าที่และประชาชนของเรา ซึ่งจะเป็นการยกระดับมาตรฐานการทำงานของเราสู่สากลต่อไป"
ประเด็นที่ 2 การพัฒนาเป็นห้องสมุดหรือพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต เพื่อให้ถ้ำหลวงเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์การกู้ภัยของโลก ที่มีลักษณะเฉพาะ คือ เป็นถ้ำที่มีน้ำท่วมจนเต็มในฤดูฝน เพื่อให้เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกที่ถ้ำหลวง ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของคนไทย และของมนุษยชาติ ที่จะบังเกิดประโยชน์ต่อคนในสังคมต่อไปอีกนานแสนนาน
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายในอดีตที่เหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547 ที่กวาดชายหาดภาคใต้ของไทย ครั้งนั้น ก็มีเรื่องราวยิ่งใหญ่ มีการสูญเสียจำนวนมาก แล้วเกิดน้ำใจของคนไทยเขึ้นมากมาย แต่หลักฐานและบันทึกเรื่องราวต่างๆ สูญหายไปกับกาลเวลาไม่ถูกนำไปส่งเสริมการศึกษา แม้จะมีอนุสรณ์สถานสึนามิ แต่ถ้าไปถามไกด์ท้องถิ่นก็จะได้คำตอบว่า ไม่มีอะไรจะให้ชมหรือศึกษา
ดังนั้น "พิพิธภัณฑ์ถ้ำหลวง" จะต้องทำได้มากกว่านั้น เป็นบทพิสูจน์ถึงความยากลำบากในการช่วยชีวิต เป็นสถานการณ์ที่ท้าทายความสามารถ ทั้งทีมงานไทย และผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เพราะฉะนั้นเราก็สมควรบันทึกไว้ในความทรงจำตลอดไป และให้เด็กทุกคนได้เรียนรู้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เราจะทำให้ร่องรอยที่เกิดจากการปฏิบัติภารกิจห้วงที่ผ่านมาให้กลมกลืนอยู่กับธรรมชาติเช่นเดิมต่อไป เพื่อเป็นเครื่องบันทึกความทรงจำที่สัมผัสได้ และได้เห็น "ของจริง" แทนการได้เห็นเพียงภาพถ่าย ที่ไม่สมจริง ไม่น่าสนใจ ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้ว ก็อย่าให้เหลือแต่ถ้ำหลวง ควรเก็บเครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ ท่อระบายน้ำ ชุดมนุษย์กบ ชุดปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ชาวไทย และชาวต่างชาติบางส่วนที่สามารถจะนำให้เป็นประวัติศาสตร์
"อุปกรณ์สิ่งของต่างๆ เช่น กล่องอาหารที่ลอยเอาไปให้เด็กๆในถ้ำ จดหมายที่เด็กๆ เขียน อุปกรณ์ที่ใช้ขุดเจาะ ถังออกซิเจน ผ้าห่มฟลอยที่นำไปให้เด็ก รถจักรยาน รองเท้าของเด็กๆ และสิ่งของอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการครั้งนี้ พยายามเก็บไว้ให้ครบสมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ ไม่เว้นแม้แต่เครื่องครัว กระทะ ที่ใช้ในโรงครัว อาคารศูนย์อำนวยการ เอกสารที่ใช้ในการวางแผน ฐานข้อมูล บอร์ด แผนที่ ภาพถ่ายต่างๆ รวมทั้งภาพไฮไลท์ในการช่วยชีวิตก็สามารถจะใส่ไว้ทั้งในพิพิธภัณฑ์ หรือไม่ก็ก็ใส่ไว้ในเว็บไซท์ เฟสบุ๊ค ต่างๆ เพื่อจะเก็บเรื่องราวสำคัญเหล่านี้ไว้ทั้งหมด เรียกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ผู้ที่ไปเข้าชมจะได้เห็นภาพ ตั้งแต่นอกถ้ำ และก็ในถ้ำ และมีประวัติศาสตร์ของถ้ำหลวงแห่งนี้"
ส่วน จ.อ.สมาน กุนัน ที่เราให้เขาเป็น "วีรบุรุษถ้ำหลวง" เพราะเขาสละชีพเพื่อภารกิจ แล้วก็เต็มเปี่ยมด้วยอุดมการณ์ ในส่วนนี้ขอชื่นชมและยกย่อง อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ที่ประกาศจะนำลูกศิษย์พร้อมทั้งาศิลปินชาวเชียงรายประมาณ 300 คน จัดทำอนุสรณ์สถาน เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่านี้ และสร้างอนุสาวรีย์ให้กับ "จ่าแซม" บริเวณปากถ้ำหลวง ซึ่งมั่นใจว่าท่านจะทำให้เกิดผลสำเร็จ เหมือนกับที่ท่านเคยสร้างวัดร่องขุ่นจนเป็นที่รู้จักทั่วโลก
นอกจากนั้นภาพของเกษตรกรที่ประสบความยากลำบาก ในการเพาะปลูกพืช แล้วต้องระบายน้ำลงไปนะครับ แล้วยินดี สละพื้นที่เพื่อรองรับน้ำ เกิดความเสียหายจากภารกิจนี้ อันนี้รัฐบาลก็ให้ไปดูแลแล้วนะครับ ภาพของ “จิตอาสา” จำนวนมาก ที่แบ่งกันทำหน้าที่ ภาพเหล่านี้จะทำให้คนที่ไปชมถ้ำหลวงในอนาคต ได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของน้ำใจ และ ความเสียสละของมวลมนุษยชาติที่อุทิศเพื่อภารกิจนี้
สิ่งที่ต้องคิดต่อมา คือ จะจัดโครงการอย่างไร ในการที่จะดึงดูดเยาวชนให้เข้าไปชมเพื่อการเรียนรู้ และอยู่กับธรรมชาติ อย่างสร้างสรรค์ และปลอดภัยนะครับ เน้นว่าต้องปลอดภัยนะครับ แล้วต้องไม่ลืมที่จะตระเตรียมแผนต่างๆ เส้นทาง หรือจุเยี่ยมชมที่ปลอดภัย ให้เกิดความสะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องดัดแปลงธรรมชาตินะครับ
รวมทั้ง มีการบริหารมาตรฐานความปลอดภัยให้เป็นไปในระดับสากล ผมคาดหวังว่าสถานที่แห่งนี้ จะเป็นความทรงจำ ที่สอนลูกหลาน และบอกกับนักท่องเที่ยวว่า คนไทยรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในยามคับขันรวมทั้ง ยิ่งกว่านั้น "ภัยพิบัติ" ครั้งนี้ ช่วยดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก มาช่วยกันในการจะรักษา 13 ชีวิต เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังนะครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี