วันที่ 17 กรกฎาคม ที่ศาลจังหวัดสกลนคร ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เลขที่ดำ อ.2426/55 เลขแดงที่ 700/58 ระหว่าง นายส่งเสริม แสงฤทธิ์ พร้อมพวกรวม 4 คน พ่อ ของ นายไพโรจน์ แสงฤทธิ์ หนุ่มวิศวกรที่ถูกยิงเสียชีวิต เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ด.ต.สิทธิกุล กาติวงศ์ จำเลยที่ 1 กับพวก 6 คน ในข้อหาความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ความผิดหมิ่นประมาท ความผิดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โดยศาลอ่านคำพิพากษายืนตามศาลอุธรณ์ ไม่ลดโทษให้จำเลยที่ 1 สั่งจำคุก ด.ต.สิทธิกุล รวม 7 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 5 คน มีการอ่านคำพิพากษาคำยกฟ้อง
โดยคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พรรณนานิคม จ.สกลนคร ใช้อาวุธปืนยิงไปที่รถยนต์ที่ นายไพโรจน์ แสงฤทธิ์ เป็นผู้ขับและมีผู้โดยสารในรถอีก 2 คน เหตุเกิดใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตสกลนคร โดยกระสุนปืนได้ทะลุเข้าไปในรถยนต์และทะลุหลังหูซ้ายผ่านกล้ามเนื้อบริเวณลำคอด้านซ้ายของ นายไพโรจน์ จนถึงแก่ความตาย ส่วนผู้โดยสารอีก 2 คนรอดชีวิต ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อ้างว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบตามกฎหมาย เนื่องจาก นายไพโรจน์ มียาเสพติดไว้ในครอบครอง และได้ทำการต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าขณะปฏิบัติหน้าที่
ญาติของผู้เสียชีวิตและผู้รอดชีวิตยืนยันว่า ผู้ตายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และไม่มีอาวุธ ไม่ได้ต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกล่าวว่าภายหลังที่ผู้ตายเสียชีวิตได้มีการพยายามซุกซ่อนยาเสพติดไว้ที่ศพของผู้ตาย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการกล่าวโทษผู้ตาย จึงยื่นฟ้องเมื่้อวันที่ 4 ธันวาคม 2555 มีการต่อสู้คดีเรื่อยมาจนถึงศาลฎีกา และนัดอ่านคำพิพากษาตามผลที่ออกมาดังกล่าว
ขณะที่ นายรัชฎา มนูรัชฎา กรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ ในฐานะทนายความฝ่ายโจทก์ เปิดเผยว่า ศาลฎีกาได้ให้ความเป็นธรรมให้แก่ผู้ตายและญาติผู้ตายที่ต่อสู้มายาวนานกว่า 6 ปี ซึ่งถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานว่า การที่เจ้าหน้าที่รัฐผู้ปฏิบัติงานของผู้มีอำนาจที่ละเมิดผู้อื่นทั้งการยัดเยียดคดีต่างๆ ไม่ให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ตายและครอบครัว ที่ต่อสู้อย่างเต็มที่โดยสภาทนายความได้เข้ามาให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ โดยศาลได้ตัดสินว่าฝ่ายผู้ตายและฝ่ายโจทก์ เป็นฝ่ายถูกกระทำ ส่วนฝ่ายจำเลยก็ต้องรับโทษผลแห่งการกระทำต่อไป ส่วนแนวทางต่อไปคือการดำเนินการในส่วนของการดำเนินการทางแพ่ง เรียกร้องค่าเสียหายต่อไป
นางเดือนไส แสงฤทธิ์ แม่ของหนุ่มวิศวกรที่ถูกยิงเสียชีวิต กล่าวเพียงสั้นๆ ว่ารู้สึกดีใจที่สามารถต่อสู้สร้างความเป็นธรรมให้แก่ลูกชายจนสำเร็จ เพราะลูกชายและครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามที่ถูกเจ้าหน้าที่ใส่ความ วันนี้ยินดีและดีใจลูกชายก็ได้ตายอย่างสงบสักที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี