รวบหนุ่มแสบ
ฉกข้อมูลรูดเงิน10ล้าน
โทรศัพท์ขอรหัสเหยื่อ
ซื้อของออนไลน์เกลี้ยง
จ่อก่อคดีอีก2หมื่นราย
บก.สส.บช.น.รวบหนุ่มแสบอดีต พนง.ขายประกัน โทร.ตุ๋นเหยื่อเจ้าของบัตรเครดิตเอารหัสไปรูดซื้อสินค้า เสียหายกว่า 10 ล้านพบมีข้อมูลลูกค้าบัตรของสถาบันการเงินต่างๆ ก่อเหตุได้กว่า 2 หมื่นราย
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.พร้อมด้วย นายปราโมทย์ ลลิตกิตติ ผู้จัดการอาวุโสแผนกตรวจสอบและป้องกันการทุจริต ธนาคารกรุงศรีอยุธยา แถลงจับกุม นายพีรยุทธ์ ครุฑธาพันธ์ อายุ 27 ปี อดีตพนักงานขายประกันบริษัทแห่งหนึ่ง ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง จับกุมได้ที่อพาร์ทเม้นท์ หอการค้าคอนโดมิเนียม ซอยอินทามาระ 44 แขวงและเขตดินแดง กทม.
พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายและข้อมูลการร้องเรียนจากสถาบันการเงินหลายแห่ง รวมทั้งชมรมบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย แจ้งมายัง บก.สส.บช.น.ว่า มีกลุ่มคนร้ายลักลอบซื้อขายข้อมูลธุรกรรมทางการเงินของประชาชน จากนั้นได้นำข้อมูลบัตรเครดิต หมายเลขบัตรประชาชน ไปซื้อขายสินค้าออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะสินค้าประเภททรูมันนี่ ที่ต้องขอรหัสหลังบัตร 3ตัวหลัง (ODP) ซึ่งคนร้ายจะปลอมเป็นพนักงานสถานบันทางการเงิน หรือพนักงานบริษัทประกันภัย โทรศัพท์ไปยังเจ้าของบัตรเพื่อขอรหัสในการทำธุรกรรม อ้างว่าเป็นการนำไปใช้ต่อประกัน หรือจะคืนเงินจากเบี้ยประกันให้ เพียงแค่บอกรหัสรับเงิน จนผู้เสียหายหลงเชื่อมอบรหัสทำธุรกรรมให้ไป
ด้าน พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับวิธีการของคนร้ายกลุ่มนี้ เมื่อได้รับรหัสมาแล้ว ก็จะนำไปซื้อสินค้าออนไลน์ ทำให้ผู้เสียหายและสถานบันทางการเงิน ได้รับความเสียหาย โดยพบว่ากระทำลักษณะนี้มาแล้วหลายปี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10ล้านบาท ทั้งยังเคยถูกจับกุมมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในข้อหาเดียวกัน โดยถูกส่งให้พนักงานสอบสวน บก.ปอศ.ดำเนินคดี แต่ยังหวนกลับมากระทำความผิดเรื่อยมา จนสร้างความเสียหายในวงกว้าง เนื่องจากเป็นวิธีที่ได้เงินง่าย
พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ผู้ต้องหาได้อำพรางวิธีการกระทำความผิดให้ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นด้วย ต่อมา พล.ต.ต.อิทธิพล ได้มอบหมายให้ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ เร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็วเพื่อยับยั้งความเสียหายและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน กระทั่งเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ชุดสืบสวนสืบทราบว่าผู้กระทำผิดคือ นายพีรยุทธ จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือผู้ต้องหา พบว่ามีข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิต หมายเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์มือถือ และวันหมดอายุบัตรของบุคคลอื่น ที่พร้อมจะก่อเหตุมากถึง 20,500 ราย จึงได้จับกุมตัว พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ.สืบสวนขยายผลอีกครั้ง
ขณะที่ นายปราโมทย์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่กรณีแรก ที่มีผู้ใช้วิธีการโทรศัพท์อ้างว่ามาจากธนาคาร หรือบริษัทประกัน เสนอผลประโยชน์ให้ลูกค้า ซึ่งปกติธนาคารมีการแจ้งเตือนกรณีดังกล่าวอยู่แล้วว่าขอให้อย่าหลงเชื่อ เนื่องจากธนาคารไม่มีนโยบาย ในการขอข้อมูลรหัสบัตร ในการทำธุรกรรมออนไลน์ของลูกค้า โดยทุกธนาคารมีการแจ้งเตือนสิ่งผิดปกติ ขอให้ผู้ใช้บริการมั่นใจในการตรวจสอบ การแจ้งเตือน และข้อความของธนาคารจะแจ้งเตือนไป เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้ผู้ก่อเหตุนำข้อมูลไปใช้
นายปราโมทย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนข้อมูลที่ได้มานั้น ผู้ก่อเหตุได้จากเพื่อนที่เป็นพนักงานขายประกัน ที่เคยทำงานอยู่ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา รวมมูลค่าเสียหาย 3 ล้านบาท จึงฝากย้ำอีกครั้งกรณีที่บริษัทประกันถือข้อมูลลูกค้าก็ต้องเพิ่มความเข้มงวดในการจ้างพนักงาน และการเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้า
ทั้งนี้ กรณีที่พบเบาะแสหรือมีข้อสงสัยว่าจะถูกหลอกลวงนั้น สามารถแจ้งข้อมูลหรือขอคำปรึกษาได้ที่ เฟซบุ๊ค “ วิเคราะห์ข่าวนครบาล” ซึ่งเป็นของกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี