เปิดใจ!! เจ้าสาวหลังถูกเจ้าบ่าวเทไม่มาตามนัด สุดกลั้นน้ำตา!! ประกาศขอโทษแขก-งานล่ม ด้านเจ้าบ่าวออกมายอมรับเลิกรากันแล้วสาเหตุที่เทงานเพราะไม่มีเงินค่าสินสอด แถมเครียดจัดมีผลกระทบด้านครอบครัววอนสังคมเข้าใจ
23 ก.ค.61 จากกรณีที่โลกโซเชียลแห่แชร์คลิปการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กของ Manow Jutathip Nimnual หรือ นางสาวจุฑาทิพย์ นิ่มนวล (มะนาว) สาววัย 26 ปี “เจ้าสาว” เมื่อเวลา 12.50 น. ของวันที่ 22 ก.ค.61 ที่ผ่านมา โดยเป็นภาพบรรยากาศงานแต่งงานของตนเองภายในศาลาประชาคมวัดพิกุลทอง ต.พิกุลทอง อ.เมือง จ.ราชบุรี ในขณะที่เจ้าสาวแต่งกายในชุดเจ้าสาวขึ้นพูดผ่านไมโครโฟนบนเวที ขออภัยแขกที่มาร่วมงาน เพราะเจ้าบ่าวไม่มางานแต่ง แต่งานยังคงต้องเดินหน้าจนจบจากการวิวาห์เป็นงานทำบุญบ้านและงานของครอบครัว
นางสาวจุฑาทิพย์ เจ้าสาวระบุว่า “ขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ในวันนี้ตนได้ทำหน้าที่เจ้าสาวดีที่สุดแล้ว อยากขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่จัดงานให้วันนี้ ขอบคุณทุกคน ตนทำหน้าที่ลูกคนหนึ่ง คิดว่าวันนี้เป็นงานของตน ของพ่อแม่ เหตุการณ์วันนี้ตนไม่ทราบมาก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคน เชื่อว่าเพื่อนเจ้าสาวทุกคนคงเป็นกำลังใจให้เจ้าสาวคนนี้ ถ้ามีสิ่งใดบกพร่อง เจ้าภาพดูแลไม่ทั่วถึงต้องขออภัยไว้ด้วย”
ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปพบกับน้องมะนาว เจ้าสาวผู้เสียหาย ที่บ้านงาน เลขที่ 45 หมู่ 2 ต.พิกุลทอง อ.เมือง จ.ราชบุรี และเป็นที่อยู่ที่ระบุไว้ในการ์ดงานแต่งที่ออกเชิญแขกเพื่อมาร่วมงาน โดยบรรยากาศภายในบ้านยังมีการประดับตกแต่งซุ้มและเครื่องอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีมงคลสมรส รวมไปถึงบรรดาเครื่องครัวและที่บริเวณจัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสด้วย
จากการสอบถามทางเจ้าสาวออกมาเปิดใจถึงเรื่องราววิวาห์ล่มในครั้งนี้ว่า ตนเองรู้จักกับทางเจ้าบ่าวผ่านเฟซบุ๊ก เนื่องจากฝ่ายผู้ชายมีหน้าตาดีและชอบขับรถยนต์แต่ง ซึ่งก็ตรงกับที่ตนเองทำงานเป็นฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัทรถยนต์ยี่ฮ้อหนึ่งในจังหวัดราชบุรี ด้วยความที่มีความรู้คล้ายๆกันและชอบในเรื่องของรถยนต์จึงคุยกันถูกคอและเกิดความสัมพันธ์ทางชู้สาวและได้มีการตกลงที่จะแต่งงานกัน โดยที่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวประกอบด้วย พ่อ แม่ และ ญาติรวม 7 คน ได้เดินทางมาพูดคุยตกลงค่าสินสอดกับทาง พ่อ แม่ ของตนเองที่บ้าน โดยมีญาติอยู่ด้วย การเจราจาสู่ขอก็เป็นไปด้วยดีด้วยเงินค่าสินสอดจำนวน 2 แสนบาท ทองหมั้นอีก 4 บาท จากนั้นได้ตกลงกันว่าทางฝ่ายเจ้าสาวเป็นผู้ที่ไปดูฤกษ์แต่งเอง จนได้ฤกษ์ตรงกับวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 จึงได้โทรบอกทางฝ่ายเจ้าบ่าวให้รับทราบ
น้องมะนาว กล่าวต่อว่า จากนั้นตนและเจ้าบ่าวก็ได้ไปถ่ายพรีเว็ดดิ้งด้วยกัน เพื่อที่จะนำภาพมาใช้ภายในงานและโชว์ให้เพื่อนๆได้ชมความสวยงามของภาพและหลังจากที่ตนได้โพสต์ภาพพรีเว็ดดิ้งผ่านเฟซบุ๊กของตนเอง จู่ๆก็มีภาพปรากฏผ่านที่หน้าเฟซบุ๊กของทางฝ่ายเจ้าบ่าว เป็นภาพของฝ่ายเจ้าบ่าวโพสต์คู่กับหญิงสาวอื่นที่ไม่ใช่ตนเอง แถมยังมีข้อความที่ส่อไปในเชิงความสัมพันธ์หรือแสดงตนว่าเป็นแฟนกัน ทำให้ตนเองตกใจและได้เช็คข้อมูลจนทราบว่าฝ่ายชายกับหญิงสาวรายนี้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกัน ทำให้ตนเองตัดความสัมพันธ์และไม่ได้ติดต่อกัน แต่เนื่องจากงานได้กำหนดไปแล้วมีการออกการ์ดเชิญแขกไปแล้ว รวมไปถึงติดต่อหาเครื่องไฟ เครื่องดนตรี รวมไปถึงโต๊ะจีนด้วย เกรงว่าจะเกิดความเสียหายจึงได้ตกลงกับทางฝ่ายชายเพื่อให้มาเข้าพิธีจนจบงาน โดยตนเองได้ตกลงกับทางเจ้าบ่าวว่า “ให้มาแต่งตามกำหนดแต่งเสร็จก็เลิกลากันไป” ซึ่งก็ตกลงตามนั้น จนถึงใกล้วันแต่ง ตนเองและทางญาติก็ได้ติดต่อทางฝ่ายครอบครัวเจ้าบ่าว เพื่อถามถึงเครื่องขันหมากและแจ้งถึงขั้นตอนการจัดงานที่ทางฝ่ายเจ้าสาววางไว้ เมื่อถึงเวลาที่จะต้องซื้อเครื่องขันหมากทางตนเองก็ได้แจ้งให้ฝ่ายเจ้าบ่าวทราบว่าต้องจัดซื้อราคาหมื่นบาทเศษแต่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวตอบกลับว่ามีเงินให้ได้เพียง 7,000 บาท ซึ่งฝ่ายตนเองก็โอเคให้ทางฝ่ายเจ้าบ่าวโอนเงินมาให้และตนเองได้ออกสมทบไปอีก 5,000 บาท เพราะอยากให้พิธีออกมาสมบูรณ์ที่สุด จากนั้นทางฝ่ายเจ้าสาวก็ถามถึงเงินสินสอด ทองหมั้น แต่กลับไม่มีเงินสินสอดตามที่ตกลงกันไว้ ทางฝ่ายเจ้าสาวจึงได้ช่วยหาทางออกโดยขอให้ทางฝ่ายเจ้าบ่าวหาเงินมา 1 แสนบาท และทางฝ่ายเจ้าสาวจะสมทบให้ แต่ฝ่ายเจ้าบ่าวมีให้เพียงแค่ 60,000 บาท ซึ่งทางตนเองและญาติก็ตกลงตามนั้น ฝ่ายเจ้าบ่าวยกมา 60,000 บาท ฝ่ายเจ้าสาวสมทบให้ 140,000 บาท ทองอีก 4 บาท เพื่อให้ครบตามจำนวนที่ได้ตกลงไว้จำนวน 2 แสน ทอง 4 บาท
เจ้าสาวกล่าวอีกว่า เพื่อมาถึงวันงานตนเองก็แต่งหน้าทำผมและใส่ชุดพิธีเช้าด้วยชุดไทย เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา เมื่อเวลา 07.00 น. ตามกำหนดเวลา แต่ปรากฏทางฝ่ายเจ้าบ่าวไม่มา และทางฝ่ายเจ้าบ่าวโทรมาแจ้งว่าเจ้าบ่าวหายตัวไปติดต่อไม่ได้ ตนจึงได้แต่ปลอบใจตนเองและต้องฝืนทั้งน้ำตาเพื่อให้งานผ่านไปได้ เนื่องจากกลัวผู้เป็นพ่อซึ่งป่วยเป็นโรคหัวใจไม่อยากให้เครียดมาก จึงให้พระสงฆ์ที่นิมนต์มาประกอบพิธีทั้ง 9 รูป สวดทำบุญบ้านแทน ส่วนทางฝ่ายเจ้าบ่าวก็ได้พยายามติดต่อเข้ามาทางญาติของตนเองซึ่งบอกว่าเจ้าบ่าวหายไปแต่ขบวนขันหมากพร้อมที่จะมา แต่ไม่มีเจ้าบ่าวมาด้วยจะยังให้มาไหมซึ่งญาติก็ได้ตอบกลับไปว่าถ้าไม่มีเจ้าบ่าวก็ไม่ต้องมา หากจะหาผู้ที่แทนเจ้าบ่าวก็ไม่ถูกต้อง แถมยังมีข้อต่อรองถึงเรื่องต้องมีค่าจ้าง หรือ ให้นำเงินสินสอดไปให้เพราะคิดว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว เนื่องจากตนเองไม่ได้ผิดอะไร และงานก็ดำเนินการตามทุกขั้นตอนจนจบ จากนั้นจึงเดินทางไปยังศาลาประชาคมภายในวัดพิกุลทอง เพื่อต้อนรับแขกที่มาร่วมงานและยังไม่ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อตนเองและครอบครัวได้เดินเก็บซองเสร็จจึงได้ตัดสินใจขึ้นเวลาที่กล่าวขอบคุณและขออภัยแขกที่มาร่วมงาน เพราะเจ้าบ่าวไม่มางานแต่ง แต่งานยังคงต้องเดินหน้าจนจบจากการวิวาห์เป็นงานทำบุญบ้านและงานของครอบครัว ตามที่ปรากฏในคลิปข่าวดังกล่าว
จากนั้น ช่วงบ่ายทางเจ้าสาวพร้อมด้วยญาติ ได้เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดกับทางฝ่ายเจ้าบ่าวต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี เพื่อให้ทางฝ่ายเจ้าบ่าวชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นตามบิลใบเสร็จจริงทั้งหมด ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะได้เชิญให้ทั้งสองฝ่ายมาเจรจาตกลงกันอีกครั้ง
ทางด้านเจ้าบ่าว คือ นายคิน วัย 18 ปี ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่า ตนเองยอมรับว่ารู้จักกับทางฝ่ายเจ้าสาวจริง โดยเริ่มจากที่เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนว่าทางมะนาว ได้ขอแอดเพื่อน ในเฟซบุ๊กมา ตนจึงได้เข้าไปดูโปรไฟล์ของมะนาวและเห็นว่าน่ารักดีจึงได้รับแอดไว้ หลังจากที่เป็นเพื่อนกันในเฟซแล้ว ทางฝ่ายมะนาวก็ได้ทักทายและพูดคุยมากับตนเอง ซึ่งก็ได้พิมพ์โต้ตอบกันนาน 1 สัปดาห์ ซึ่งการพูดคุยก็เหมือนทักทายกันของวัยรุ่นหนุ่มสาว จนเกิดความสนิทสนมกัน จากนั้นตนเองก็ได้เอ่ยปากชวนมะนาวไปกินข้าวเย็นกันหลังจากที่มะนาวเลิกจากงาน จากนั้นก็ไปเที่ยวสถานบันเทิงกันต่อจนดึกและก็ได้มีความสัมพันธ์ด้านชู้สาวกัน แต่ตนเองก็ยืนยันว่ามีการใส่ถุงยางอนามัย มีความสัมพันธ์กันเพียงครั้งเดียว หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์ตนก็เริ่มที่จะตีตัวออกห่างก็ตามประสาวัยรุ่น อีกทั้งตนเองก็มีแฟนสาวอยู่ด้วยอีก 1 คน ตนจึงได้เลิกกับทางฝ่ายมะนาวและก็ห่างกันไป
นายคิน เจ้าบ่าว กล่าวต่อว่า หลังจากที่ห่างกันไปนานๆ ก็จะติดต่อกันจนฝ่ายทางมะนาวได้บอกกับตนเองว่าท้อง ตนก็นิ่งและก็ตกใจว่าท้องได้อย่างไรเพราะตนมั่นใจว่าไม่น่าใช่ เพราะตนใส่ถุงยางอนามัย จากนั้นก็เงียบกันไป จู่ๆพ่อของตนเองคือ นายอเนก จุนเจิม วัย 36 ปี ได้แจ้งกับตนเองว่า มีหญิงสาวชื่อมะนาวมาบอกว่าท้องกับตนเองและจะให้ไปสู่ขอ โดยที่ทางมะนาวตกลงว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องสินสอด ทองหมั้นทั้งหมด และให้ไปตกลงกับทางบ้าน ซึ่งทางครอบครัวก็เดินทางไปตกลงกับทางฝ่ายสาว ก็ยกกันไป 7 คนด้วยกัน มีการพูดคุยตกลงกันตามที่มะนาวบอกไว้ ก่อนที่จะเดินทางกลับ แต่ทั้งนี้ตนเองก็ยืนยันว่าไม่มีเงินมากขนาดนั้น อีกทั้งตนเองก็เลิกกับทางฝ่ายมะนาวไปแล้ว แต่ที่มีตกลงแต่งงานกันนั้นเพราะมะนาวบอกว่าต้องกับตนทั้งๆที่ตนเองไม่ได้รักและหมดใจไปแล้ว และให้ตนเองไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ตนเองก็เดินทางไป จากนั้นก็ตกลงกับทางมะนาวว่า ยอมแต่งให้แต่งเสร็จก็เลิกกันแต่เมื่อถึงวันงานด้วยความที่ทางฝ่ายเจ้าสาวให้ตนเองหาเงิน 1 แสนบาทมาเป็นเงินสินสอดแต่ตนเองไม่มีจนเกิดความเครียด เพราะผิดจากที่ตกลงไว้ในครั้งแรก เมื่อถึงวันงานตนจึงหลบหนีไป ตนจึงอยากวอนสังคมเข้าใจตนเองบ้าง เพราะตนเองไม่ได้รักฝ่ายสาวและเลิกลาไปแล้วแต่ที่มาแต่งเพราะเข้าใจว่าทางฝ่ายสาวท้องตนจึงแสดงความรับผิดชอบมาแต่งงานดังกล่าวแต่เมื่อถูกบีบด้วยเรื่องเงินค่าสินสอดดังกล่าว
ขณะที่นายอเนก จุนเจิม พ่อของเจ้าบ่าว กล่าวว่า ตนเองต้องขอโทษทางฝ่ายเจ้าสาวผู้เสียหาย และอยากขอความเห็นใจจากสังคมด้วย เมื่อวันงานตนเองและญาติๆ ก็ได้เตรียมความพร้อมทั้งต้นกล้วย ต้นอ้อย ผ้ารับไหว้ ซองผ่านประตู 40 ซอง และเงินสดอีกจำนวน 60,000 บาท ตามที่ทางฝ่ายเจ้าสาวตกลงไว้ ซึ่งตั้งแต่วันแรกตนก็ทำตามที่ทางฝ่ายเจ้าสาวบอก ทั้งในเรื่องของเงินสินสอดทองหมั้นที่ทางฝ่ายสาวจะเป็นผู้เตรียมไว้ให้ แต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับให้เราต้องมาออกเอง ก่อนจะตกลงกันก่อนวันงานเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อรองกันจนเหลือ 60,000 บาท แต่ก็ไม่ได้แจ้งลูกชายได้ทราบ เพราะคิดว่าคนสองคนจะคุยกันแล้ว เมื่อถึงช่วงค่ำปรากฎว่า ลูกชายหายไปตนก็ได้ออกตามหาตั้งแต่ 5 ทุ่ม โทรไปไม่รับสาย จน เวลา 03.00 น. ตนเองได้โทรตามอีกก็โทรไม่ติดและไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย
ทั้งนี้ ตนก็ได้ให้ญาติติดต่อไปฝ่ายเจ้าสาวเพื่อแจ้งให้ทราบว่าลูกชายหายไป และต้องการยืนยันว่าจะยกขันหมากไปแต่ก็ได้รับการปฏิเสธซึ่งตนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ได้แต่เสียใจและเดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ตนอยากขอโทษทางฝ่ายเจ้าสาวแทนลูกชายและครอบครัว หากทางฝ่ายเจ้าสาวจะดำเนินคดีอย่างไรก็ต้องพูดคุยกันอีกครั้งซึ่งทางครอบครัวก็ยินดีที่จะหันหน้าเข้าเจรจากัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี