23 ก.ค.61 เมื่อเวลา 17.30 น.ที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมาได้มีกลุ่มครูในพื้นที่ อำเภอครบุรีและอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา และอดีตครูที่เกษียณอายุราชการไปแล้วจังหวัดลำปาง นำโดยนายสุวัช ศรีสด ประธานชมรมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นหนี้สินวิกฤติ ครูชำนาญการพิเศษ จังหวัดลำปาง และนายเรือง มั่นดี อดีตครูชำนาญการอายุ 65 ปี พร้อมอดีตครู และบุคลากรทางการศึกษาประมาณเกือบ 10 คน รวมตัวกันพร้อมเอกสารเป็นจดหมายเปิดผนึกถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออก ณ ที่ทำการชมรมข้าราชการครูและบุคลากทางการศึกษาที่เป็นหนี้สินวิกฤติ ตำบลเสริมซ้าย อำเภอเสริมงาม จังหวัดลำปาง พร้อมเอกสารหลักฐานรายชื่อผู้กู้เงินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตครูให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีความภาคภูมิในเกียรติของวิชาชีพ ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนด้วยวิถีพอเพียง เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินจากกลุ่มครูที่เป็นหนี้วิกฤติ อัตราดอกเบี้ย 3.50 บาท
ทั้งนี้ ขอความเมตตาจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 3 ข้อ คือ 1.ขอให้โคราชการแก้ไขหนี้สินครูวิกฤติดำเนินการต่อไป หากรัฐมนตรียังไม่สามารถตัดสินใจได้ให้นำเรื่องเจ้าหารือ ครม. โดยขอให้ทีมงานของ ดร.พิษณุ อดีตรักษาการเลขาธิการ สกสค. ซึ่งเป็นผู้วางแผนในโครงการแก้ไขหนี้เดิมเข้าร่วมให้ข้อมูลด้วย เพื่อปรับแก้ไขอุปสรรคปัญหาให้ดำเนินการต่อไปได้ , 2. ขอให้มีการแต่งตั้งเลขาธิการ สกสค.ตัวจริงโดยเร็ว ตามคำสั่ง คสช.ที่ 17/2560 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2560 เพื่อให้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูวิกฤติอย่างต่อเนื่องและจริงจัง และ 3. ขอให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกันหลายฝ่าย โดยมีตัวแทนลูกหนี้ด้วย ตามแนวทางของท่านรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประจิน จั่นตอง ที่ได้มีการนำเสนอในคณะกรรมการติดตามการปฏิบัติ ตามนโยบายของรัฐบาล (คตน.) เพื่อติดตามและดำเนินการอย่างเป็นทางการให้ลุล่วง
นายสุวัช ศรีสด ประธานชมรมข้าราชการครุและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นหนี้สินวิกฤติ กล่าวว่า กรณีมหาสารคามเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เราไม่ต้องการให้รัฐบาลยกเลิกหนี้ให้ เรายอมจ่ายหนี้ทุกสิ่งทุกอย่าง และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีเมตตาช่วยเหลือครูกลุ่มนี้ แต่พอลงมาถึงข้างล่างความช่วยเหลือยังไม่ถึง ฉะนั้นความเดือดร้อนยังมีอยู่ เราจึงขอความเมตตาให้ช่วยเหลือแค่รวมหนี้ ลดดอกเบี้ย ขยายเวลาการส่ง ครูก็ไม่เดือดร้อนกันแล้ว ในจิตวิญาณของครูไม่มีใครคิดจะเบี้ยวหนี้หรอกเฉพาะในกลุ่มของตน เราไม่เคยที่บอกว่าจะเบี้ยวหนี้ ฉะนั้นขอความเมตตาตั้งกองทุนสนับสนุนพิเศษเพื่อความมั่นคง ชพค.ที่ออมสินมอบให้กับ สกสค.มีอยู่แล้ว เอาเงินตรงนี้มาตั้งกองทุนเท่านี้ก็จบ สามารถทำได้ โดยหน่วยงานที่ดูแลตรงนี้คือสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการ สวัสดิภาพและบุคลากรทางการศึกษามีหน้าที่โดยตรง และเคยทำจนประสบความสำเร็จมาแล้ว ส่วนใหญ่เป็นครูบำนาญพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ ส่วนครูวิทยะฐานะไม่พอจ่าย ซึ่งครูมีหนี้หลายทาง ทั้งออมสิน สหกรณ์ กรุงไทย โดยให้รวมหนี้ที่ครูเป็นหนี้ทั้งหมดของทุกสถาบัน เราอยากให้ช่วยเหลือโดยการแค่รวมหนี้ให้เรา ลดดอก ขยายระยะเวลาการส่ง เพราะมันมีโมเดลสำเร็จมาแล้วที่อดีตเลขาพิษณุฯ ทุกวันนี้ครูหัก ณ ที่จ่ายตลอดเวลา
นายเรือง มั่นดี อดีตครูชำนาญการ จ.นครราชสีมา อายุ 65 ปี กล่าวว่า ที่มามีทั้งครูเกษียณและไม่เกษียณ ส่วนครูที่เป็นหนี้ของ จ.นครราชสีมามีทั้งหมดกว่า 26,000 คน ทางออกที่ดีหมายความว่า คระครูที่เดือดร้อนได้รับการดูแลคือการลดดอกเบี้ย อีกนิดหนึ่ง ธนาคาออมสินอยู่ได้และพวกครูเองก็อยู่ได้ก็คือ เราอยู่ได้ทั้งสองฝ่าย , การรวมหนี้ และมีการยึดระยะเวลาให้ครูสามารถยืนอยู่ในสังคมได้และสามารถดำรงชีวิตตามปรกติได้ในสภาวะเศรษฐกิจวิกฤติช่วงนี้ แต่ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้พวกเราตาย แต่ธนาคารออมสินเจริญรุ่งเรืองฝ่ายเดียว โดยครู จ.นครราชสีมามีมติให้มีการรวมหนี้ ลดดอกเบี้ย และประกันชีวิตอยากให้มีความเป็นธรรม เพราะมีการเก็บล่วงหน้าไป 9 ปี ส่วนประทินญามหาสารคารพวกเราไม่เห็นด้วย แต่เชื่อว่าประทินญาสารคามเป็นเพียงพิธีกรรมบนเวทีและเป็นกุสโลบายของผู้นำในวันนั้น เพื่อให้สังคมได้เอียงหูมารับฟังทางคุณครูว่ามีความเดือดร้อนอย่างไร ซึ่งความจริงเขาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเบี้ยวหนี้หรือชักดาบ ไม่ใช่ แต่เป็นอย่างที่ตนว่า และอยากให้สื่อมวลชนให้ความเป็นธรรมและไปขุดคุ้ยความไม่ชอบพามากลตรงนี้เสนอต่อสาธารณะชนให้ได้ทราบกัน และอยากให้สังคมได้เห็นใจกลุ่มครูด้วย เพราะตรงนั้นไม่ใช่เป้าประสงค์ประทินญาที่แท้จริง
“ ถ้ามีการปรับโครงสร้างหนี้ อย่างผมอยู่ 65 ปี หนี้ของผมจะต้องยื่นออกไปอีก สุขภาพอายุอย่างผมจะอยู่ถึง 90 ปีหรือเปล่า หนี้สินทั้งหลายทั้งปวงจะตกเป็นภาระลูกเมีย ถ้ารัฐบาลให้ความเห็นอกเห็นใจหันมาปรับลดดอกเบี้ยให้พวกผม เราสามารถชำระหนี้ได้ภายในชาตินี้ แต่ถ้าไม่มีการปรับหนี้ช่วยเหลือพวกเราผมคิดว่าพวกเราหมดหนี้เมื่อชาติหน้าไม่รู้จะหมดหรือเปล่า “
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี