26 ก.ค.61 นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษก และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.วิภา บานเย็น ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบกรณีนักเรียนกว่า 30 คน กู้ยืมเงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เมื่อปี 2541 และ 2542 และไม่ชำระหนี้ ทำให้ต้องรับผิดชอบหนี้แทนนักเรียนทั้งหมดในฐานะผู้ค้ำประกัน ว่า ต้องขอชื่นชมคุณครูที่ได้ทำหน้าที่และตั้งใจทำสิ่งที่ดีให้กับศิษย์เพื่อให้มีโอกาสศึกษา และขอชื่นชมผู้จัดการ กยศ.ที่ได้หาทางในการแก้ปัญหาเพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับคุณครู ซึ่งความจริงแล้วแนวทางด้านกฎหมายก็สามารถทำได้หลายช่องทางในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น การไกล่เกลี่ยพูดคุย ซึ่งสามารถทำได้ทุกขั้นตอนแม้อยู่ในชั้นบังคับคดี กยศ.แจ้งการงดการบังคับคดี เพื่อหาวิธีการบังคับกับศิษย์ผู้เป็นหนี้ก่อน คุณครูก็มีสิทธิในการทำหนังสือถึง กยศ.เพื่อขอให้ทาง กยศ.บังคับกับศิษย์ผู้เป็นลูกหนี้ก่อน อายุความในการบังคับคดีมีกำหนด 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา
นายราเมศ กล่าวด้วยว่า แต่การแก้ปัญหาในระยะยาว การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 ที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐและเอกชน ต้องหักเงินกับลูกจ้างที่หนี้ กยศ.เพื่อส่งกองทุน ก็ต้องเร่งดำเนินการ แต่ก็ต้องหาทางแก้เช่นกันกรณีที่ผู้กู้ยืมไม่ได้อยู่ในระบบของราชการหรือเอกชนจะทำอย่างไร การส่งเสริมสร้างจิตสำนึกให้กับผู้กู้ยืมเงิน กยศ.ตั้งแต่สมัยเรียน ไม่ให้เห็นแก่ตัว ให้เห็นความสำคัญของเงินที่ตนกู้ยืม ว่าจะมีผลกระทบต่อน้องๆ รุ่นหลังหากไม่ชำระหนี้ตามกำหนด ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นสมัย นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ได้เห็นถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษา นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้กู้ยืม สำหรับเป็นค่าเล่าเรียน ถือว่าประสบความสำเร็จ และพรรคก็จะนำนโยบายนี้มาสานต่อเป็นนโยบายหลักในครั้งหน้าเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี