วันนี้ (31 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์คนร้ายขับรถเก๋งสีขาวไม่ทราบทะเบียนมาดักซุ่มยิงคู่รัก น.ส.ปวีณา หรือสปาย นาเมืองรักษ์ อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ อายุ 21 ปี จนเสียชีวิตทั้งคู่ที่บริเวณลานจอดรถถนนฝั่งตรงข้ามหน้าพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ หมู่ 6 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อช่วงเวลา 16.20 น.วันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ล่าสุดศาลจังหวัดชลบุรีได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้แล้ว 3 รายโดยหนึ่งในนั้นมี "เสี่ยอ้วน" เจ้าของบาร์ในภูเก็ต ในฐานะผู้จ้างวานสังหารสปาย และฟอส รวมถึงมือปืนและคนชี้เป้า
วันเดียวกันนี้ผู้ใช้เฟซบุ๊กแฟนเพจ "บิ๊กเกรียน" ได้โพสต์ข้อความโดยเปิดเผยเส้นทางของ น.ส.ปวีณา หรือ น้องสปาย และนายอนันตชัย หรือ น้องฟอส ที่ถูกกลุ่มคนร้ายยิงเสียชีวิต โดยมีเนื้อหาระบุว่า "หลังจาก "เสี่ยอ้วน" ก่อคดีร่วมกับสมุนสังหารนายอนันตชัย จริตรัมย์ และ น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ 2 หนุ่มสาวซึ่งเป็นคู่รักกันเหตุเกิดลานจอดรถหน้าพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ก่อนหลบหนีไปนั้นมีรายงานว่า "เสี่ยอ้วน" มุ่งหน้าไปยังแนวชายแดนด้าน จ.จันทบุรี และใช้ช่องทางธรรมชาติหลบเข้าไปตั้งหลักในเขตประเทศเพื่อนบ้านพร้อมกับติดต่อทนายความเพื่อขอมอบตัวในวันนี้เพื่อสู้คดีต่อไป
*ยังไม่มั่นใจเสี่ยอ้วน ยิงเองหรือสมุนเป็นคนจัดการ
ขณะเดียวกันแนวทางการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ไว้แล้วอย่างแน่นหนาโดยนายสายันต์ ศรีสุข อายุ 43 ปีสายลับที่เสี่ยอ้วน ส่งมาติดตามการเคลื่อนไหวของ 2 หนุ่มสาวคู่รักนั้นให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก มีหลักฐานการติดต่อทางโทรศัพท์กับเสี่ยอ้วน ตลอดเวลานอกจากนั้นวันเวลาที่เดินทางมาพบกันต่างสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนายสายันต์ รับจ้างด้วยค่าตัว 2 หมื่นบาทและติดต่อให้นายวราเทพ มาสูงเนิน หนุ่มคู่เกย์ขับรถมารับที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา
ปรากฏว่านายอนันตชัย กับ น.ส.ปวีณา ได้ติดรถมารับด้วยจากนั้นจึงเดินทางเที่ยวฉลองวันเกิดของ น.ส.ปวีณา ต่อที่พัทยา จ.ชลบุรี โดยเข้าพักที่โรงแรม SC เรสสิเด้นท์ย่านพัทยาใต้ รุ่งขึ้นเวลาประมาณ 10.00 น. ทั้งหมดออกเดินทางไปยังตลาดน้ำสี่ภาค จากนั้นตอนบ่ายไปต่อที่สวนนงนุช และมาจบที่เขาชีจรรย์ ซึ่งระหว่างการเดินทางนายสายันต์ ได้แอบส่งข่าวการเคลื่อนไหวให้กับเสี่ยอ้วน ตลอดกระทั่งตามมาพบและจ่อยิง น.ส.ปวีณา กับนายอนันตชัย จนเสียชีวิตทั้งคู่ซึ่งในความชัดเจนว่ามือปืนคือใคร เป็นเสี่ยอ้วนหรือลูกสมุน จนท.มีประจักษ์พยานสำคัญแล้ว หากมีการติดต่อมอบตัวหรือจับกุมได้ก็จะเปิดเผยให้ทราบต่อไป
*ความแตก “เสี่ยอ้วน”จับได้จึงต้องหนีไปเริ่มชีวิตใหม่
มีรายงานด้วยว่าความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยอ้วน กับ น.ส.ปวีณา นั้นพนักงานในบาร์ของเสี่ยอ้วน ทราบดีว่าเสี่ยอ้วน หลงรัก น.ส.ปวีณา อย่างหัวปักหัวปรำและด้วยความเป็น "สายเปย์" ของเสี่ยอ้วน จึงทุ่มให้อย่างไม่อั้น ส่วน น.ส.ปวีณา นอกจากทำงานเป็นโคโยตี้ประจำร้านแล้วยังเป็นเรียนอยู่ที่สถาบันศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต โดยที่ยังคบหากับนายอนันตชัย ตลอดเนื่องจากเป็นเพื่อนชายที่ดูใจกันมาตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมต้น และเป็นคน จ.กาฬสินธุ์ บ้านเดียวกันรวมทั้งนายวราเทพ มาสูงเนิน เพื่อนสนิทด้วยจึงเกาะกลุ่มกันไว้แต่ปิดบังสถานะ หากมีใครถามก็จะบอกว่านายอนันตชัย เป็นเกย์กระทั่งมาความแตกช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
เมื่อ น.ส.ปวีณา กับนายอนันตชัย แอบไปเที่ยวสถานบันเทิงฮอลลีวูด ขณะกำลังเคล้าเคลียตามประสาคนรัก "ไอ้แจ๊ค" ลูกน้องคนสนิทไปเห็นเข้าจึงนำเรื่องไปฟ้องเสี่ยอ้วน กลายเป็นเรื่องรุนแรงโดยเรียกตัวกลุ่มคนตายเข้าไปเคลียร์ปัญหาในห้องทำงานของเสี่ยอ้วน
*น้องปายกลัวตายขอที่ทำงานแห่งใหม่อย่าติดรูปโชว์
มีการเค้นถามถึงความสัมพันธ์ระหว่าง น.ส.ปวีณา กับนายอนันตชัย พร้อมใช้อาวุธปืนจ่อศรีษะพูดทวงบุญคุณประมาณว่า กูยอมหมด กูให้หมดทุกอย่างบ้านช่อง รถราเงินทองแต่ น.ส.ปวีณา ยืนกรานว่านายอนันชัย เป็นเพียงเพื่อนสนิทและมีรสนิยมเบี่ยงเบนไม่เหมือนชายทั่วไปเรื่องราวจึงยุติลงแต่กลายเป็นความหวาดระแวงของเสี่ยอ้วน ขณะที่ น.ส.ปวีณา กับทุกคนในกลุ่มก็รู้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาจึงวางแผนหนีออกจากภูเก็ต ไปเริ่มชีวิตใหม่กันที่สถานบริการแห่งหนึ่งย่านอ้อมน้อย จ.นครปฐม ซึ่งในการ "หนีตาย" ครั้งนี้มีมาด้วยกัน 4 คนคือพยาน น.ส.ปวีณา นายอนันตชัย และนายวราเทพ ซึ่งทุกคนก็ยังคงไม่มั่นใจในความปลอดภัยโดย น.ส.ปวีณา ปฏิเสธขอร้องให้เจ้าของสถานบริการแห่งใหม่อย่าติดรูปตัวเองที่หน้าร้าน
แต่ด้วยความผูกใจเจ็บของเสี่ยอ้วน แม้ น.ส.ปวีณา จะเดินออกจากชีวิตไปแล้วแต่ก็ยังฝากแผลใจแผลใหญ่ทิ้งไว้ ในทางสืบสวนของตำรวจยังทราบเพิ่มเติมว่าก่อนหน้าเกิดเรื่องมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืนอย่างน้อย 2 ครั้งในพื้นที่ จ.นครปฐม แต่เมื่อทราบความจริงไม่มีใครกล้ารับงาน ประกอบกับช่วงนั้นยังไม่ทราบที่อยู่ของกลุ่ม น.ส.ปวีณา ชัดเจน เสี่ยอ้วน จึงเรียกนายสายันต์ ซึ่งเคยคบหากับนายวราเทพ มาพบพร้อมกับมอบหมายงานให้แฝงตัวเข้าไปรายงานการเคลื่อนไหวจนเหยื่อติดกับ มีการนัดแนะไปรับนายสายันต์ ที่สนามบินในวันที่ 28 ก.ค. ส่วนเสี่ยอ้วน บินตามไปในวันที่ 29 ก.ค.และบรรดาสมุนทั้งหลายได้ขับรถ CRV ป้ายแดง ก 5195 ไปรอล่วงหน้าอยู่หลายวันแล้วกระทั่งสบโอกาสลงมือสังหารหนุ่ม-สาวคู่รักถอนแค้นให้กับตัวเองโดยที่ต่อจากกนี้ไปชะตากรรมที่เสี่ยอ้วน เป็นคนกำหนดขึ้นเองทั้งหมดจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาตลอดไป
*ตร.ตามล่ากระชั้นรถ CRV ใช้ป้ายทะเบียนปลอม
มีรายงานเพิ่มเติมถึงการสกัดจับเสี่ยอ้วน กับลุกสมุนด้วยว่าแม้จะมีการติดต่อมอบตัวแล้วก็ตามแต่เจ้าหน้าที่ยังคงติดตามและพยายามจับกุมให้ได้โดยหลักฐานสำคัญที่สุดคืออาวุธปืนที่ใช้กระทำความผิด และรถฮอนด้า CRV สีขาวนั้นจากการตรวจเช็คแล้วเป็นป้ายทะเบียนปลอมแต่รถน่าจะเป็นของเสี่ยอ้วน ตามหลักฐานที่ปรากฏ
*จากเด็กเฝ้าห้องน้ำสู่อาณาจักร 100 ล้าน
ก่อนหน้านี้ เพจเดียวกันนี้ยังได้ได้โพสต์ประวัติเด็ดของเสี่ยอ้วน จากเด็กเฝ้าห้องน้ำสู่อาณาจักร 100 ล้านว่า "...ประวัติเสี่ยอ้วนนั้นเดิมมีพื้นเพเป็นเด็กสุรินทร์ แต่ด้วยเป็นคนขยันหนักเอาเบาสู้จึงสร้างฐานะได้อย่างรวดเร็ว จากผู้จัดการดิสโกเธค พัทยา เมืองชลบุรี ระเห็จมาขุดทองที่ป่าตอง ภูเก็ตรุ่นบุกเบิกราว 20 ปีก่อนยังไม่มีสถานบริการหนาแน่นขนาดนี้
อาชีพหลักที่สร้างตัวให้กับเขาคือการเป็นเจ้าของธุรกิจ "เด็กห้องน้ำ" ซึ่งหากพูดกันเพียงเท่านี้ไม่ขยายความอาจจะยังไม่เข้าใจธุรกิจ "เด็กห้องน้ำ" หมายถึงการขอเข้าดำเนินการภายในห้องน้ำสถานบริการต่างๆ ทั่วทุกแห่งในหาดป่าตอง ซึ่งเป็นสถานท่องราตรีระดับโลกห้องน้ำหรือห้องสุขา ย่อมเป็นสิ่งคู่กันกับสถานบริการอยู่แล้ว "เสี่ยอ้วน" เดิมเป็นเพียงเด็กบริการนวด จัดผ้าเย็น ผ้าร้อนให้กับบรรดานักเที่ยวเวลาเข้าไปปล่อยหนัก หรือเบาในห้องสุขาแลกกับทิปสิบบาทยี่สิบบาทกระทั่งขยับตัวกลายเป็นผู้รับเหมาสัมปทาน ครอบคลุมห้องสุขาไปทั่วเกาะภูเก็ต
จากนั้นจึงเริ่มเปิดสถานบริการของตนเองเป็นเจ้าของบาร์เล็กๆจาก 1 ห้องจนถึงปัจจุบันสถานบริการโกยเงินทุกคืนที่เรียงเป็นตับในซอยแห่งหนึ่งของถนนป่าตอง เป็นของเขาทั้งหมด กิจการบาร์ของเสี่ยอ้วน รุดหน้าอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีการระดมสาวโคโยตี้ ที่มีคุณภาพรูปร่างหน้าตาดีจำนวนมากจึงเป็นขวัญใจของนักท่องราตรีทั้งไทยและเทศ
*"เสี่ยอ้วน" เคยเสนอ 4 ล้านขอน้องป้าย
ประวัติที่น่าสนใจอีกเรื่อง ก่อนหน้าประมาณปี 2559 เสี่ยอ้วน เคยต้องคดีฆ่าคนตายโดยการยิงเพียงนัดเดียวตัดขั้วหัวใจตายคาหอพัก ที่หญิงสาวในการอุปการะของเสี่ยอ้วนพักอาศัยอยู่มาแล้วโดยรูปคดีออกมาทำนองว่าเป็นการยิงป้องกันตัวเพราะคนตายถืออาวุธปืนอยู่ คดีนี้จบลงด้วยการสั่งไม่ฟ้องของอัยการ และคณะกรรมการกองบัญชาการตำรวจภาค 8 ในขณะนั้นไม่เห็นแย้งจึงทำให้เสี่ยอ้วน หลุดคดี อย่างไรก็ตาม ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางโดยมีข้อสังเกตว่าเสี่ยอ้วน เป็นผู้มีฐานะส่วนคู่กรณีเป็นเพียงคนขายไอครีม แต่เมื่อญาติผู้เสียชีวิตไม่ติดใจอะไรเรื่องราวต่างๆ จึงค่อยๆ เงียบลง
จนมาถึงรายของน้องปาย มีพยานยืนยันว่าเสี่ยอ้วน หลงรัก น.ส.ปวีณา อย่างหัวปักหัวปำถึงขั้นเสนอเงินถึง 4 ล้านบาทเพื่อเป็นสินสอดทองหมั้นตกแต่งเป็นเมียตามประเพณีแต่ประเด็นนี้มีรายละเอียดค่อนข้างสลับซับซ้อนมีการเรียกคนตายไปต่อว่าหลายครั้งที่ไม่ทำตามสัญญา และเคยใช้ปืนจ่อศรีษะนายอนันตชัย กับน.ส.ปวีณา เป็นการข่มขู่มาแล้วกระทั่งเกิดเป็นคดีสะเทือนขวัญขึ้น
แหล่งข่าวจากภูเก็ตแสดงความเห็นเกี่ยวกับคดีเสี่ยอ้วน ว่าหลังเกิดเรื่องนักธุรกิจในป่าตองก็รู้ทันทีว่ามือปืนคือใคร สิ่งที่ตามมาตอนนี้คือตำรวจ ทหารและฝ่ายความมั่นคงจะต้องลงพื้นที่ตรวจเข้มอีกเพราะภาพดูเหมือนว่าเสี่ยอ้วน เป็นมาเฟียทั้งที่จริงมาจากเรื่องชู้สาวล้วนๆ แต่หากบวกกับคดีเก่าก็คงอยู่ที่มุมมอง อย่างไรก็ตาม จุดที่เขามองข้ามช็อตนี้ไปคือธุรกิจต่างๆ ในเครือของเสี่ยอ้วน ซึ่งมีมูลค่านับ 100 ล้านก็คงจะมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอนเพราะเสี่ยอ้วน ไม่มีหุ้นส่วน ไม่มีพี่น้องช่วยดูแล "ถ้าติดคุกชีวิตเปลี่ยนแน่ๆ"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี