วันพรุ่งนี้ (1 ส.ค.) ชาวประมงทั่วประเทศโดยสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย จะเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้แก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมง ขณะที่ชาวประมงในแต่ละจังหวัดจะเข้ายื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละจังหวัด หากไม่ได้คำตอบจากรัฐบาลในการดำเนินการแก้ไขปัญหาภายใน 7 วัน ชาวประมงทั่วประเทศจะพร้อมใจกันจอดเรือ หยุดทำการประมงประท้วงรัฐบาล
ก่อนหน้านี้ นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมแห่งประเทศไทย ในฐานะนายกสมาคมประมงสมุทรสงคราม และผู้บริหารภาคประมงในสมุทรสงคราม ได้มีการประชุมสมาชิก 4 องค์กร คือ สมาคมการประมงสมุทรสงคราม, สมาคมประมงเรือลากคู่สมุทรสงคราม, สหกรณ์ประมงแม่กลอง และสหกรณ์ประมงบางจะเกร็งบางแก้ว เพื่อหารือถึงแนวทางการขับเคลื่อนภาคประมงในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดจากภาครัฐ และอียู โดยเฉพาะประเด็นปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคประมงทั่วประเทศกว่า 40,000 คน ที่ยื่นหนังสือไปหลายหน่วยงานให้แก้ปัญหาแต่ก็ยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังนิ่งเฉย
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นปัญหาอีก 7 ประเด็นคือ ปัญหาเรื่องการรับซื้อเรือคืน เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลอนุมัติให้ซื้อเรือคืน แต่ชาวประมงรอมานานกว่า 7 เดือนยังไม่มีความคืบหน้าจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเรื่องการซื้อเรือคืนโดยเร็ว, ปัญหากฎหมายของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน, ปัญหากฎหมายของกรมเจ้าท่า, ปัญหากฎหมายของกรมประมง, ปัญหาการแจ้งเรือเข้า-ออก หรือ PIPO, ปัญหา VMS และปัญหากระทรวงแรงงานจะดันไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา C188 เป็นต้น ซึ่งในประชุมได้อภิปรายกันถึงความเดือดร้อนกันอย่างกว้างขวางจากการที่รัฐบาลได้ออกกฎหมายการประมง ระเบียบวิธีปฏิบัติของชาวประมง เพื่อแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม หรือ IUU ภายหลังจากสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศให้ใบเหลืองไทยเมื่อ เม.ย.2558 แม้ภาคประมงจะหารือถึงแนวทางแก้ไขความเดือดร้อนกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ได้รับการแก้ไขปัญหาน้อยมาก
*นัดพรุ่งนี้ (1ส.ค.) ยื่นหนังสือนายกฯ ที่ทำเนียบฯ
โดยในที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้นายกสมาคมประมงทุกสมาคมในจังหวัดสมุทรสงคราม จะเดินทางไปยื่นหนังสือเรียกร้องความเดือดร้อนต่อรัฐบาลรวม 8 ประเด็นที่ทำเนียบรัฐบาลแก้ปัญหาในวันพุธที่ 1 ส.ค.นี้เวลา 09.00 น. ส่วนชาวประมงในแต่ละพื้นที่ก็จะเข้ายื่นหนังสือที่ศาลากลางจังหวัดฯ พร้อมกับ 22 จังหวัดชายทะเล หากไม่ได้รับคำตอบภายใน 7 วันในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมง ชาวประมงทั่วประเทศจะพร้อมใจกันหยุดเรือออกหาปลาอย่างน้อย 7 วันและหากยังไม่แก้ปัญหาอีกชาวประมงจะเดินทางไปยื่นถวายฎีกาต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อไป
เช่นเดียวกับชาวประมงจังหวัดพังงา นายบุญชู แพใหญ่ นายกสมาคมประมงจังหวัดพังงา พร้อมด้วยสมาชิกสมาคมเรือประมง เจ้าของเรือประมง แพปลา แม่ค้ารับซื้อปลา และผู้ประกอบธุรกิจประมง และประมงพื้นบ้านในพื้นที่ จ.พังงา เตรียมที่จะเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ในวันที่ 1 ส.ค.61 นี้เช่นกัน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมง และขอคำตอบภายใน 7 วัน หากไม่มีการดำเนินการแก้ไขปัญหา ชาวประมงทั่วประเทศจะพร้อมใจกันจอดเรือ หยุดทำการประมงประท้วงรัฐบาล และจะเดินทางไปยื่นถวายฎีกา
ทั้งนี้ สำหรับข้อเรียกร้องของชาวประมงที่จะให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไข ซึ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ของสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ดังนี้ การขาดแคลนแรงงาน ขอให้ใช้ ม.83 พ.ร.ก.ประมง เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เป็นการช่วยให้ภาคการประมง ประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยขอให้เปิดให้คนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยอย่างผิดกฎหมาย และเปิดโอกาสให้บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ทำบัตรซีบุ๊กได้ เพื่อทำงานในเรือประมง ซึ่งมีความต้องการแรงงาน จำนวน 50,000 คน และให้มาตรการเปิดใช้ตลอดระยะเวลา 2 ปี
การซื้อเรือคืน ขอให้หน่วยงานของรัฐเร่งดำเนินการเรื่องการซื้อเรือคืนโดยเร็วที่สุด กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่องปัญหาของกฎและระเบียบต่าง ๆ ของกรมสวัสดิการ ฯ ที่ออกมาบังคับใช้กับผู้ประกอบการเรือประมงในช่วงระยะหลัง ไม่สอดคล้องกับการประกอบอาชีพ ทำให้เกิดปัญหา ตลอดกฎต่าง ๆ ที่ออกมาเกินข้อกำหนดของอนุสัญญาต่างๆ กรมเจ้าท่า ขอให้เร่งรัดการแก้ไข ปรับปรุง กฎข้อบังคับ การตรวจเรือที่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นไปหลายเดือนแล้ว
ขณะที่ในส่วนของกรมประมงขอให้แก้ไขปัญหากฎหมาย กฎระเบียบต่าง ๆ ของกรมประมงที่เป็นปัญหาต่อการปฏิบัติของชาวประมงในหลาย ๆ ฉบับ PIPO ขอให้แก้ไขปัญหาในการแจ้งเข้า-ออก เนื่องจากแต่ละหน่วยและเจ้าหน้าที่แต่ละศูนย์ ปฏิบัติไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน แม้จะมีการร่วมกันจัดทำคู่มือแนวการปฏิบัติแล้วก็ตาม VMS ปัญหาค่าบริการรายเดือนของอุปกรณ์ VMS ที่ชาวประมงต้องรับภาระในช่วงที่เรือจอด
ขณะเดียวกันสมาชิกชาวประมงทั่วประเทศ มีมติคัดค้านการที่รัฐบาลจะไปให้สัตยาบันเพื่อรับอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 188 (C.188) โดยสมาคมประมงทั่วประเทศทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล จะมีหนังสือคัดค้านและนำไปยื่นที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกันใน 1 ส.ค.นี้และสมาชิกชาวประมงทั่วประเทศ มีมติให้ยกร่างกฎหมายประมงฉบับชาวประมง และสมาคมเรือประมงจังหวัดพังงามาเชิญชวนชาวประมงและผู้เกี่ยวข้องใช้สิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมายของประชาชน รวมตัวกันล่ารายชื่อไม่น้อยกว่า 10,000 รายชื่อ
*เจ้าของเรืออ่าวน้อยโวยโดน จนท.เรียกเก็บเงิน
ด้านเจ้าของเรือที่อ่าวน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รายหนึ่ง เปิดเผยกับ "ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์" ว่า ขณะนี้ชาวประมงกำลังประสบปัญหาตามที่ได้มีการประชุมไป โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับแรงงาน หากเราได้แรงงานที่ดีก็ดีไป แต่ถ้าหากเจอแรงงานไม่ดีเราก็แย่ เนื่องจากบางคนทำงานกับเราอยู่แล้วก็หายไปไม่สามารถตามกลับมาได้ ซึ่งหาความแน่นอนจากแรงงานไม่ได้เลย
นอกจากนี้ แรงงานที่จะขึ้นเรือแต่ละครั้งประมาณ 28-29 คน ส่วนคนไทยอย่างน้อย 2 คน ต่อเรือ 1 ลำ หากเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้นมาแรงงานขึ้นเรือไม่ทันหรือขึ้นเรือผิดลำ เมื่อกลับเข้าฝั่งมาก็จะถูกเจ้าหน้าที่จับและปรับเป็นเงินหลายแสนบาท อย่างล่าสุดเรือประมงของเพื่อนตนมีแรงงานขึ้นเรือผิดแล้วแรงงานเกิดป่วยไม่สบาย พอเจ้าของเรือพากลับเข้าฝั่งเพื่อส่งไปโรงพยาบาลรักษา เมื่อเข้ามาถึงท่าเรือก็ถูกเจ้าหน้าที่จับบอกว่าไม่มีรายชื่อบนเรือ ทางเพื่อนตนก็ได้พยายามชี้แจงไปแล้วว่าเขาขึ้นเรือผิด สรุปเป็นคดีความขึ้นถูกปรับเป็นเงินเกือบล้านบาท
เจ้าของเรือคนดังกล่าว เปิดเผยอีกว่า เวลาที่ตนจะออกเรือต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง แจ้งวัน เวลา จำนวนคนไทย และแรงงานต่างด้าวกี่คน ทั้งนี้ การออกเรือแต่ละครั้งจะกำหนดระยะไมล์ว่าเรือลำไหนไปได้กี่ไมล์แต่บางครั้งน้ำทะเลมันพาอวนมาเข้าเขตที่เจ้าหน้าที่ห้ามจะถูกจับ และบางครั้งถูกยึดอวนยึดเรือ หากเจ้าหน้าที่จับขณะที่ทำการประมงในพื้นที่ตรงนั้นเลยตนจะไม่ว่าอะไรเลย อีกอย่างหนึ่ง คือ เวลาขึ้นแพจะเอาเรือเทียบฝั่งเราเช่าแพไว้ แต่พอจะเอาปลาขึ้นกลับเอาขึ้นไม่ได้บอกว่าไม่เรียบร้อย แพมีปัญหา เราก็ต้องแก้ปัญหาโดยการไปเช่าแพอื่นแทน ซึ่งทำให้เสียค่าเช่าแพเพิ่มอีก
"เราได้จ่ายค่าแรงงานไปแล้ว ทำถูกตามกฎหมายหมดทุกอย่าง แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังมาเรียกเก็บเงินจากพวกเราอยู่ พวกเขาจะมาเป็นเวลา เช่น ขึ้น 12 ค่ำ ขึ้น 15 ค่ำ เป็นต้น อย่างนี้คนที่ทำมาหากินต้องมาเสียเงินให้กับเจ้าหน้าที่บางคนทำให้พวกเราได้รับความเดือดร้อน และไม่ได้รับความเป็นธรรม และอยากจะให้ผ่อนหนักผ่อนเบาให้แก่กันบ้าง อย่างเวลาเอาเรือเทียบท่า เช่น แจ้งเวลา 08.00 น.แต่เข้ามาก่อนเป็นเวลา 07.30 น. ก็จะถูกจับและโดนปรับ บางครั้งหากมีการแจ้งว่าน้ำขึ้นสูงเราก็จะต้องรีบเข้ามาฝั่งก่อนเวลา แบบนี้มันเข้มงวดเกินไป" แหล่งข่าว ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี