กรมชลฯเผยเขื่อนใหญ่11แห่งมีน้ำสูงเกินเกณฑ์ควบคุม เร่งทำโมเดลจำลองสถานการณ์น้ำไหลเข้าเขื่อนปี54-57 สั่งกฟผ.เพิ่มระบายน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ เป็นวันละ36ล้านลบ.ม.เพื่อรักษาระดับน้ำในเขื่อนในระดับที่ปลอดภัย ส่งหนังสือถึงผู้ว่าฯกาญจน์รีบแจ้งเตือนประชาชนท้ายน้ำ
31 ก.ค.61 นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวม 51,677 ล้าน ลบ.ม.หรือ 68% ของความจุ เป็นน้ำใช้การได้รวม 27,757 ล้าน ลบ.ม.หรือ 53% ยังรับน้ำได้อีก 24,331 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ สำหรับ4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำรวม 14,253 ล้าน ลบ.ม.หรือ 57% เป็นน้ำใช้การ 7,557 ล้าน ลบ.ม.ยังรับน้ำได้อีก 10,618 ล้าน ลบ.ม.
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักในบางแห่ง ส่งผลให้เขื่อนขนาดใหญ่มีปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์ควบคุม มี 11 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชล , น้ำอูน , น้ำพุง , จุฬาภรณ์ , อุบลรัตน์ , ลำปาว , ลำพระเพลิง , ป่าสักชลสิทธิ์ , วชิราลงกรณ , แก่งกระจาน และปราณบุรี โดยมีทำการจำลองปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝนจากเครื่องมือ ROS จำนวน 3 สถานการณ์ เทียบปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างปี 2554 , 2557 และปีเฉลี่ย นำมาบริหารจัดการเพื่อใช้เป็นการระบายน้ำเขื่อนขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณน้ำในอ่างฯ สูงกว่าเกณฑ์ควบคุม เพื่อเป็นการพร่องน้ำให้อยู่ในเกณฑ์เก็บกัก รวมทั้งอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ที่มีระดับน้ำเก็บกักมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ จะรักษาปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 70 - 80 และอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำไหลเข้ามากกว่าความจุอ่างฯสองเท่า ให้รักษาปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 60 - 70 เพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพของตัวเขื่อน
สำหรับสถานการณน้ำในเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี หลังจากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบน ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนวชิราลงกรณเป็นจำนวนมาก ปริมาณน้ำในเขื่อนได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อน 123 ล้าน ลบ.ม.ปริมาณน้ำในอ่างฯ อยู่ที่ 7,146 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 81 ของความจุอ่างฯ มีการระบายน้ำออกจากอ่างฯ วันละ 28 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ จากการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ มีมติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ (กฟผ.) เพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนวชิราลงกรณ เป็นวันละ 36 ล้าน ลบ.ม.ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อรักษาระดับน้ำในเขื่อนให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย และรักษาเสถียรภาพของเขื่อนให้สามารถรองรับปริมาณน้ำจากฝนที่จะตกลงมาในพื้นที่ได้อีกในระยะต่อไป สำหรับการเพิ่มการระบายน้ำในครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบผลต่อกลุ่มผู้ใช้น้ำที่อยู่ทางด้านท้ายเขื่อน กรมชลประทานจึงมอบหมายให้ กฟผ.ทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อชี้แจงพร้อมทำความเข้าใจต่อกลุ่มผู้ที่อาจได้รับผลกระทบทราบต่อไปแล้ว
"ได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำ ที่อาจมีผลกระทบต่อพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมเดิม ได้สั่งการให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ จัดเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในพื้นที่ หากเกิดฝนตกหนักจะได้เข้าไปแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งได้กำชับให้ติดตามตรวจสอบอาคารและระบบชลประทาน ให้สามารถรองรับสถานการณ์น้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละช่วงเวลา ควบคุมและรักษาระดับน้ำในเขื่อนต่างๆให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมอย่างเคร่งครัด อีกทั้ง จัดเตรียมเครื่องจักร-เครื่องมือ อาทิ เครื่องสูบน้ำ 1,851 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 317 ชุด รถบรรทุก/ยานพาหนะ 324 คัน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ในเขตสำนักงานชลประทานต่างๆ รวมทั้งสิ้น 2,803 หน่วย เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่เสี่ยงภัยได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ" นายทวีศักดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี