1 ส.ค.61 ที่ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง นายอภินัทธ์ รัตนพรวารีสกุล รองนายกประมง จ.ระยอง พร้อมด้วยกลุ่มผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน กว่า 300 คน ถือป้ายคัดค้านการที่รัฐบาลไทยจะไปให้สัตยาบัน รับอนุสัญญา C188 พร้อมยื่นหนังสือ ผ่านนายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชต ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เพื่อส่งถึงนายกรัฐมนตรี โดยมี นายยุทธพล องอาจอิทธิชัย ปลัดจังหวัดระยอง นายสุปนันท์ สังข์สุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดระยอง เป็นตัวแทนในการรับหนังสือ
โดยข้อร้องเรียน มีดังนี้ คือ 1. การขาดแคลนแรงงาน ขอให้มีการแก้ไขปัญหาแบบถาวร โดยใช้มาตรา 83แห่งพระราชกำหนดประมง เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เป็นการช่วยให้ภาคการประมงสามารถประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ 2. การซือ้เรือคืน ขอให้เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเรื่องซื้อเรือคืนโดยเร็วที่สุด 3. เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงแก้ไข กฎ ระเบียบ ที่ออกมาบังคับใช้กับผู้ประกอบการเรือประมงให้มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกับอาชีพอื่น 4 เร่งรัดการออกประกาศ กฎข้อบังคับการการตรวจเรือ เพื่อให้ชาวประมง ออกทำการประมงได้อย่างถูกต้อง 5.ขอให้ทบทวนกฏหมใยพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ที่มีบทลงโทษรุนแรงเกินไป 6. แก้ไขปัญหาการแจ้งเข้าออก ของแต่ละศูนย์ให้ปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน 7. ให้แก้ไขปัญหาภาระในการจ่ายค่าบริการรายเดือนของอุปกรณ์ VMS ในช่วงที่เรือจอด นอกจากนี้ ยังคัดค้าน อนุสัญญา C188 อีกด้วย
วันเดียวกัน นายทวี แพใหญ่ กรรมการสมาคมประมง จ.พังงา พร้อมด้วย สมาชิกสมาคมเรือประมง เจ้าของเรือประมง แพปลา แม่ค้ารับซื้อปลาและผู้ประกอบธุรกิจประมง และประมงพื้นบ้าน ในพื้นที่จังหวัดพังงา ร่วมชุมนุม ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดพังงา จำนวนกว่า 200 คน เพื่อยื่นหนังสือให้แก่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผ่าน นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ก่อนที่ทางรัฐบาลผ่านการเห็นชอบข้อกฎหมาย และระเบียบ ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมง และขอคำตอบภายใน 7 วัน หากไม่มีการดำเนินการแก้ไขปัญหา ชาวประมงทั่วประเทศจะพร้อมใจกันจอดเรือหยุดทำการประมงประท้วงรัฐบาล และสมาคมประมงทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล ก็จะเดินทางไปยื่นถวายฎีกาต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ สำหรับข้อเรียกร้องของชาวประมงที่จะให้ดำเนินการแก้ไขซึ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ของสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย
โดยผู้แทนสมาคมประมงจากทั่วประเทศเข้าร่วมการประชุม โดยมีข้อเรียกร้องที่ขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา เรื่องขาดแคลนแรงงาน ขอให้ใช้ ม.83 พรก.ประมง เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เป็นการช่วยให้ภาคการประมงประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยขอให้เปิดให้คนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยอย่างผิดกฎหมายและเปิดโอกาสให้บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ทำบัตรซีบุ๊คได้ เพื่อทำงานในเรือประมง ซึ่งมีความต้องการแรงงาน จำนวน 50,000 คน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่องปัญหาของกฎและระเบียบต่างๆ ของกรมสวัสดิการ ฯ ที่ออกมาบังคับใช้กับผู้ประกอบการเรือประมงในช่วงระยะหลัง ไม่สอดคล้องกับการประกอบอาชีพฯทำให้เกิดปัญหา ตลอดกฎต่างๆ ที่ออกมาเกินข้อกำหนดของอนุสัญญาต่าง ๆ ขอให้กรมเจ้าท่าเร่งรัดการแก้ไข ปรับปรุง กฎข้อบังคับการตรวจเรือที่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นไปหลายเดือนแล้ว ขอให้กรมประมงแก้ไขปัญหากฎหมาย กฎระเบียบต่างๆของกรมประมงที่เป็นปัญหาต่อการปฏิบัติของชาวประมงในหลายๆ ฉบับ ขอให้ PIPO แก้ไขปัญหาในการแจ้งเข้า – ออก เนื่องจากแต่ละหน่วยและเจ้าหน้าที่แต่ละศูนย์ปฏิบัติไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน แม้จะมีการร่วมกันจัดทำคู่มือแนวการปฏิบัติแล้วก็ตาม ปัญหาการติดตั้ง VMS ค่าบริการรายเดือนของอุปกรณ์ VMS ที่ชาวประมงต้องรับภาระในช่วงที่เรือจอด ในขณะเดียวกันสมาชิกชาวประมงทั่วประเทศ มีมติคัดค้านการที่รัฐบาลจะไปให้สัตยาบันเพื่อรับอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 188 (C.188) โดยสมาคมประมงทั่วประเทศทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล จะมีหนังสือคัดค้าน
นายทวี กล่าวว่า ต้องการให้ภาครัฐมองเห็นความแตกต่างของชาวประมงอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเรื่องที่เตรียมออกกฎข้อบังคับให้มีห้องน้ำของคนในเรือประมงที่บังคับว่า คนเรือ 4 คน ต่อห้องน้ำ 1 ห้อง และยังบังคับให้มีห้องนอน 1 คน ต่อ 1 ห้อง ห้องกินข้าว ห้องนันทนาการ ซึ่งความแตกต่างของเรือประมงต่างประเทศกับเรือประมงไทย คือ เรือประมงไทยมีคนเรือไม่ต่ำกว่า 10 คน ต่อเรือ 1 ลำ ออกเรือไปเช้าเย็นกลับ ส่วนเรือประมงต่างประเทศ มีคนเรือไม่เกิน 4-5 คนต่อลำ ออกเรือไม่ต่ำกว่า 15 วันต่อเที่ยว ซึ่งทางภาครัฐควรมองเห็นถึงความแตกต่างด้วย
ด้าน นางวงษ์ษา อุดมอำนวย แม่ค้าจำหน่ายสัตว์น้ำ ตลาดตะกั่วป่า จ.พังงา กล่าวว่า ตนเองรับซื้อและจำหน่ายปลามานานกว่า 30 ปี ราคาสัตว์น้ำขึ้น-ลงตามสภาพของชาวประมง แต่เมื่อมีกฎหมายออกมาบังคับใช้กับชาวประมงทำให้การออกหาปลายากขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น ส่งผลกระทบกับพ่อค้า แม่ค้า ขณะที่ราคาปลาไม่สามารถตั้งราคาให้สูงขึ้นตามต้นทุนจึงต้องแบกภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น กฎหมายแรงงานบังคับใช้กับแรงงานประมงที่ยากต่อสภาพความเป็นจริง คนงานอายุต้องเกิน 18 ปี ไม่เกิน 55 ปี จะใช้ให้ลูกหลานทำงานประมงในครอบครัวไม่สามารถทำได้ นับว่ากฎหมายที่จะเกิดขึ้นทำความยุ่งยากและเกินไปต่อสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันนี้
ส่วนที่ศาลากลางจังหวัดตรัง นายสิทธิชัย ภมรวิสิษฐ์ อดีตนายกสมาคมประมงกันตัง อ.กันตัง จ.ตรัง นายศรัณย์ แก้วชัยเจริญกิจ นายบุรินทร์ จันทร์แพทย์รักษ์ พร้อมตัวแทนผู้ประกอบการประมงกันตังกว่า 30 คน เดินทางมาร้องคัดค้านการที่รัฐบาลไทย ไปให้สัตยาบันรับใบอนุสัญญา ILO C188 ที่สร้างผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการประมงอย่างมาก โดยมีการนำแผ่นป้ายไวนิลข้อความ “ชาวประมงจังหวัดตรัง ขอคัดค้านการที่รัฐบาลไทย ไปให้สัตยาบันรับอนุสัญญา ILO C188” โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ คารวานนท์ ปลัดจังหวัดตรัง นายเกียรติศักดิ์ เกษมพันธุ์กุล ประมงจังหวัดตรัง รับเรื่อง
ทั้งนี้ตัวแทนผู้ประกอบการประมงที่เดินทางมาในวันนี้ มีการนำหนังสือพร้อมข้อเรียกร้อง ผ่าน นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เพื่อส่งต่อไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ทางสมาคมประมงทั่วประเทศ 22 จังหวัดเรียกร้องอยู่ที่กรุงเทพ จากนั้นนายสิทธิชัย และตัวแทน เข้าพบนายพงษ์ศักดิ์ ณ ห้องแถลงข่าวศาลากลางจังหวัดตรัง เนื่องจาก นายศิริพัฒ ติดภารกิจรับ พล.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีที่มาปฎิบัติภาระกิจที่จังหวัดตรัง
นายสิทธิชัย กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมง โดยให้นำมาตรา 83 มาใช้เป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อแรงงานจะได้เข้ามาทำงานในเมืองไทยได้ เพราะว่าจัดหางานไม่สามารถหางานให้ได้ เราไม่สามารถทำ MOU กับพม่าได้ ส่งผลให้ขาดแคลนแรงงาน ปัญหาของกฎหมายที่ออกมาในขณะนี้มีระเบียบมาก ชาวประมงได้รับผลกระทบและเดือดร้อนมาก ทั้งเรืองประมง สวัสดิการ ซึ่งไม่เข้าใจปัญหาของชาวประมงโดยตรง อย่ามาตรา 83 เป็นคุณและเป็นประโยชน์กับประมงจึงควรอนุเคราะห์บ้าง โดบเฉพาะในอำเภอกันตัง มีปัญหาขาดแคลนแรงานประมง 600-700 คน ซึ่งถ้าเรือลำหนึ่งๆขาดแรงงาน 2-3 คนก็ไม่สามารถทำงานได้ เรือที่ออกทำประมงในกันตังขณะนี้มีอยู่เพียง 100 กว่าลำ จากเมื่อก่อนมีอยู่ 400-500 ลำ แต่ถ้ามีการยกเลิกมาตรา83 ต่อไปเรือจะออกไม่ได้ มีแพปลาที่มีอยู่ 20 กว่าแห่ง ผู้ประกอบการลดลงเหลือ100 กว่าคน ขณะนี้เหลือเพียง 7-8 แพ การเดินทางในวันนี้เพื่อขอความอนุเคราะห์ความเห็นใจจากรัฐบาล
นายศรัณย์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลตอบรับอนุสัญญา 4188 ซึ่งจำนวนประเทศในโลกทีรับอนุสัญญาไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะยุโรปเข้าเพียง 5 ประเทศเท่านั้น ทีสำคัญอนุสัญญาฉบับนี้ไม่เข้าใจถึงความเป็นอยู่จริงๆของชาวประมงไทยว่า เรือเป็นยังไง ความเป็นอยู่ของลูกเรือเป็นยังไง ถ้ารัฐบาลรับไปจะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวประมงอย่างมาก ทำให้ชาวประมงต้องมายื่นขอความเห็นใจว่าไม่ขอรับอนุสัญญาฉบับนี้
นายบุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของข้อเรียกร้องของชาวประมง 5 ข้อ ประกอบด้วย 1.เรื่องการขาดแคลนแรงงานกิจการประมงอย่างมาก ให้นำมาตรา 83 มาบังคับใช้เพื่อลดปัญหาแรงงาน ซึ่งสมาคมประมงได้ประเมินว่ามีการขาดแคลนแรงงานประมงจำนวน 5 หมื่นคน 2.ตามที่รัฐบาลรับปากว่าจะซื้อเรือคืนแต่ว่าที่ผ่านมาผลัดไปเรื่อยๆไม่ทราบว่าเรื่องรับซื้อเรือคืนมีขั้นตอนในการจ่ายเงินให้กับผู้ประกอบการอย่างไร อยากให้ระบุวันเวลาที่ชัดเจน 3.เรื่องของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงานที่ผ่านมากฎหมายคุ้มครองแรงงานออกกฎหมายมาค่อนข้างจะดุดือดกับชาวประมงมาก มีโทษปรับสูงถึง 30 ล้านบาท เป็นโทษที่รุนแรงมาก อยากให้เข้าว่าถ้าผู้ประกอบการดูแลลูกเรือไม่ดีเขาก็คงไม่ลงเรือ 4.กรมเจ้าท่ามีหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้เรือ เช่นถังดับเพลิง เสื้อชูชีพ ห่วงชูชีพ มาตรฐานของแต่ละเจ้าท่าไม่เหมือนกัน เช่นเข้า ระนอง ภูเก็ต ตรัง จะมีมาตรฐานตรวจไม่เหมือนกัน และ 5.ศูนย์แจ้งเข้าแจ้งออกการทำงานของเจ้าหน้าที่มีเอกสารค่อนข้างเยอะมาก แต่อยากให้มีทิศทางเดียวกัน เช่นเรือจอดกลางทะเล ติดลมต้องแจ้งเป็นเอกสาร ซึ่งเจ้าหน้าที่มีระบบการตรวจสอบอยู่แล้ว
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ทางจังหวัดตรังเองเข้าใจในส่วนของปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการประมงว่า ถ้ารัฐลเข้าไปผูกพันกับอนุสัญญาแรงงานสากลก็จะจะมีปัญหากับประมงโดยเฉพาะในเรื่องของอนุสัญญา 1188 ซึ่งเป็นเรื่องของสุขอนามัยและเรื่องของความปลอดภัย ถามว่าวันนี้เราเจอเรื่อง ไอยูยูก็เดือดร้อนมาส่วนหนึ่งแล้วแต่ว่าถ้ามาเจอตรงนี้อีกไม่ว่าเป็นเรื่องของขนาดของเรือ เรื่องสุขอามัยการสร้างห้องสุขาบนเรือซึ่งจะให้เป็นมาตรฐานสากลคิดว่าคงลำบาก แต่ถ้าบังคับก็ต้องทำได้ มองว่าประมงเดือดร้อนหรือไม่ก็เดือดร้อน ทางจังหวัดตรังก็ต้องทำไปตามหลักการและรับหนังสือเพื่อเสนอต่อไป
ทั้งนี้ยังมี กลุ่มตัวแทนสมาคมชาวประมงอำเภอบ้านแหลม, สมาคมประมงแหลมผักเบี้ย, สมาคมอวนลอยภาคกลาง และสมาคมเรือลอบหมึกสาย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี กว่า 200 คน เดินทางมายังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบุรี เข้ายื่นหนังสือต่อนางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เพื่อร้องเรียนผ่านไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ทบทวนการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดความเดือนร้อนของชาวประมง และขอคัดค้านการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ(ILO) ฉบับที่ 188
นางลั่นทม เพทัย อายุ 58 ปี เป็นตัวแทนชาวประมงบ้านแหลม อ่านข้อเรียกร้องสรุปได้ว่า ตลอดเวลากว่า 3 ปี ที่รัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขการทำประมงผิดกฎหมาย(ศปมผ.) และออก พ.รก.ประมง ปี 2558 ปี 2560 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ออกประกาศสำนักนายก กฎกระทรวง ประกาศกรม และเรื่องต่างๆกว่า 200 ฉบับ เพื่อเป็นเครื่องมือในการแก้ข้อกล่าวหาของสหภาพยุโรป เรื่องการทำประมงผิดกฎหมาย ที่บังคับให้เรือทุกลำมีทะเบียนเรือ ใบอนุญาตใช้เรือ ใบประมงพาณิชย์ และให้เรือขนาดใหญ่กว่า 30 ตันกรอส ต้องแจ้งเข้า-ออกกับ PIPO ทุกครั้ง รวมทั้งให้เรือที่ใช้เครื่องมือศักยภาพสูงทุกลำทำการประมงได้แค่ 240 วัน ต่อปี และต้องมีระบบติดตามเรือ(VMS) ซึ่งเชื่อว่าข้อกล่าวหาทั้ง I,U และ U นั้นได้รับการแก้ไขหมดแล้ว แต่ชาวประมงซึ่งเป็นสมาชิกของ 4 สมาคม ก็ยังคงได้รับความเดือนร้อนไม่จบสิ้น มีทั้งปัญหาเรือถูกเพิกถอนทะเบียนจอดกำลังจมในคลอง, การขาดแคลนแรงงาน รวมถึงปัญหาอัตราโทษ พ.ร.ก.ประมงสูงเกินไป และปัญหาอื่นๆอีกมากมาย
นางลั่นทม กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้สมาชิกสมาคมทราบมาว่ารัฐบาลได้กำหนดกรอบเวลาในการให้สัตยาบันอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 188 ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง และยกร่างกฎหมายรองรับการให้สัตยาบันอนุสัญญาฉบับนี้เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาและบังคับใช้ในเร็วนี้ ซึ่งสมาคมฯได้ศึกษาและเห็นว่าอนุสัญญาฉบับนี้จะก่อปัญหาและความเสียหายหลายประการต่อชาวประมงอาจถึงขั้นที่ไม่สามารถประกอบอาชีพประมงได้เลย เนื่องจากข้อกำหนดไม่สามารถประยุกต์ใช้กับเรือประมงไทยรุ่นปัจจุบันได้ ทั้งขนาดตัวเรือ สัดส่วนโครงสร้างความปลอดภัย ความสูงของเพดาน ขนาดของห้องน้ำ ห้องนอน ห้องพักผ่อน ประกอบกับปัจจุบันชาวประมงไม่สามารถต่อเรือประมงใหม่ได้อีกแล้ว
ดังนั้นทั้ง 4 สมาคมฯจึงขอคัดค้านการเข้าเป็นอนุสัญญาองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188 และขอให้รัฐบาลพิจารณาอนุมัติงบในการซื้อเรือประมงกลุ่มที่ตกสำรวจ และกลุ่มถูกยกเลิกทะเบียนในขณะที่กำลังแก้ไขเล่มทะเบียนอยู่ในสำนักงานเจ้าท่าโดยเร็ว รวมทั้งให้มีการแก้ไข พ.ร.ก.ประมงทั้ง 2 ฉบับ แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ปัญหาการแจ้งเข้าออกของเรือประมง และขอให้ยกเลิกการตรวจแรงงานและการดำเนินคดีอาญาของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานทั้งหมด เบื้องต้นนางฉัตรพร จะได้นำข้อร้องเรียนของกลุ่มชาวประมงส่งไปให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ตาม บริเวณหน้าศาลากลางสตูล นายอรุณ ชูประสิทธิ์ อดีตนายกสมาคมประมงจังหวัดสตูล พร้อมชาวประมงทั้งหมดร่วม 2,000 คน พร้อมด้วย เจ้าของเรือประมง แพปลา และผู้ประกอบธุรกิจประมง รวมถึงแรงงานชาวประมงในจังหวัด ออกถือป้ายชุมนุม “ มีข้อความว่าคัดค้านกฎหมาย ILO C 188 และข้อความเขียนถึงประยุทธ์ ว่า เลื่อมล้ำคืออะไร ชาวประมงสตูลไม่เอากฎหมาย ที่หน้าศาลากลางจังหวัดสตูล โดยนายอรุณ กล่าวว่า เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมง และขอคำตอบภายใน 7 วัน หากไม่มีการดำเนินการแก้ไขปัญหา ชาวประมงทั่วประเทศจะพร้อมใจกันจอดเรือหยุดทำการประมงเพื่อประท้วงรัฐบาลและจะดำเนินการยื่นถวายฎีกาต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ต่อไป
นายอรุณ ชูประสิทธิ์ อดีตนายกสมาคมประมงจังหวัดสตูล กล่าวเพิ่มเติมว่า เรียกร้องทั้งหมดให้รัฐบาลช่วยพิจารณา โดย วันนี้เราเดือดร้อนมาก กฎหมายที่ออกมาแต่ละฉบับเราทำได้บ้างไม่ได้บ้าง บางครั้งออกเรือไปแล้ว กลับมาก็มีปัญหา ทุกอย่างมีปัญหาตลอด ยิ่งทุกวันนี้เรือออกไม่ได้ แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่าย เรื่องหนักที่สุดคือ C188 ถ้าออกเรือ ลูกน้อง 4 คนเรือต้องมีห้องน้ำและห้องนอน ถามว่ากฎหมายนี้มันคนละประเภท เพราะเราเรือไม้ กฎหมายแบบนี้เรารับไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขภายใน 7 วันชาวประมงทั้งหมดทั่วประเทศจะหยุดเรือทันที และจะมีการล่ารายชื่อให้ได้ทั่วประเทศ 2 แสนรายชื่อและคาดว่าน่าจะแก้ปัญหาช่วยชาวประมงได้
โดยข้อเรียกร้องของชาวประมงที่จะให้ดำเนินการแก้ไขซึ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ของสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย โดยผู้แทนสมาคมประมงจากทั่วประเทศเข้าร่วมการประชุม มีข้อเรียกร้องที่ขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา ดังนี้
1. การขาดแคลนแรงงาน ขอให้ใช้ ม.83 พ.ร.ก.ประมง เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เป็นการช่วยให้ภาคการประมงประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยขอให้เปิดให้คนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยอย่างผิดกฎหมายและเปิดโอกาสให้บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ทำบัตรซีบุ๊คได้ เพื่อทำงานในเรือประมง ซึ่งมีความต้องการแรงงาน จำนวน50,000 คน และให้มาตรการเปิดใช้ตลอดระยะเวลา 2 ปี 2. การซื้อเรือคืน ขอให้หน่วยงานของรัฐเร่งดำเนินการเรื่องการซื้อเรือคืนโดยเร็วที่สุด
3. กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่องปัญหาของกฎและระเบียบต่าง ๆของกรมสวัสดิการ ฯ ที่ออกมาบังคับใช้กับผู้ประกอบการเรือประมงในช่วงระยะหลังไม่สอดคล้องกับการประกอบอาชีพฯทำให้เกิดปัญหา ตลอดกฎต่าง ๆ ที่ออกมาเกินข้อกำหนดของอนุสัญญาต่างๆ 4. กรมเจ้าท่า ขอให้เร่งรัดการแก้ไข ปรับปรุง กฎข้อบังคับการตรวจเรือที่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นไปหลายเดือนแล้ว 5.กรมประมงขอให้แก้ไขปัญหากฎหมาย กฎระเบียบต่าง ๆของกรมประมง ที่เป็นปัญหาต่อการปฏิบัติของชาวประมงในหลาย ๆ ฉบับ 6. PIPO ขอให้แก้ไขปัญหาในการแจ้งเข้า – ออก เนื่องจากแต่ละหน่วยและเจ้าหน้าที่แต่ละศูนย์ปฏิบัติไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน แม้จะมีการร่วมกันจัดทำคู่มือแนวการปฏิบัติแล้วก็ตาม และ 7.VMS ปัญหาค่าบริการรายเดือนของอุปกรณ์ VMS ที่ชาวประมงต้องรับภาระในช่วงที่เรือจอด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี