"ฉัตรชัย"สั่งเร่งระบายน้ำ-เฝ้าระวังระดับน้ำไม่เกินรูลเคิร์ฟ เผยพายุเข้า ทำน้ำสูงเกินเกณฑ์หลายเขื่อน ระบุกทม.ต้องดูปริมาณน้ำจากตอนเหนือเป็นหลัก
2 ส.ค. 61ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเฝ้าระวังและบริหารจัดการปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะนี้ว่า ตนได้สั่งการเรื่องการระบายน้ำของเขื่อนทั้งหมดล่วงหน้ามาเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว โดยใช้หลักเกณฑ์ว่า ระดับน้ำต้องไม่เกินเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวบน (Upper Rule Curve) หมายถึงให้น้ำอยู่ในเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำ (Rule Curve) และให้ระบายน้ำออกเป็นระยะ แต่หลายเขื่อนที่มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นผิดปกตินั้นเกิดจากพายุที่เข้ามาในระยะเวลาค่อนข้างสั้น ส่งผลให้มีปริมาณน้ำเข้าไปในบางเขื่อนภายในวันเดียวมากถึง 30 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ระบายออกได้เพียง 2-3 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้เขื่อนเหล่านั้นมีปริมาณกักเก็บน้ำในเกณฑ์สูง
“ผมได้กำชับนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. เมื่อวานนี้(1 สิงหาคม) อีกครั้งว่า ให้ทุกเขื่อนตรวจสอบเรื่องการระบายน้ำให้มากขึ้น รวมถึงมอบหมายให้อธิบดีกรมชลประทานดูแลเขื่อนขนาดใหญ่ และขนาดกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน ซึ่งทราบว่า ในวันนี้อธิบดีกรมชลประทานได้เดินทางลงไปในพื้นที่ทั้งหมดเพื่อเพิ่มการระบายน้ำและรักษาระดับน้ำในเขื่อนไว้ ขณะที่เขื่อนขนาดกลาง และขนาดเล็กที่อยู่ในการดูแลของท้องถิ่น เมื่อวานนี้ผมได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย(มท.) ดูแลความมั่นคงของเขื่อนและอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กแล้ว” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีอาจมีพายุลูกใหม่เข้ามาในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ต้องดูกรมอุตุนิยมวิทยา ขณะนี้ สทนช. จะเป็นหน่วยงานหลัก มีเลขาธิการ สทนช. เป็นผู้ติดตามสถานการณ์ภาพรวม โดยใช้ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะของกรมชลประทานเป็นศูนย์ติดตาม และได้ทราบว่า สถานการณ์น้ำบางพื้นที่เริ่มดีขึ้น เพราะมีการระบายน้ำ โดยตนสั่งการให้เลขาธิการ สทนช.ประจำการที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำตลอดเวลาและรายงานให้ตนทราบทุกวัน
"การระบายน้ำต้องระมัดระวัง เพราะส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรและที่อยู่อาศัยของประชาชน ซึ่งเมื่อวานนี้ผมได้หารือกับกระทรวงมหาดไทยว่าผู้ว่าราชการจังหวัดต้องแจ้งประชาชนเรื่องการระบายน้ำ โดยเน้นย้ำว่า ต้องแจ้งประชาชนให้ชัดเจนว่า ระดับน้ำจะสูงขึ้นจากเดิมเท่าไร และจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่กว้างแค่ไหน เพราะหากแจ้งเพียงปริมาณน้ำที่ถูกระบายออกมา ประชาชนจะไม่เข้าใจ เช่น ประชาชนอาจไม่เข้าใจถ้าระบายน้ำออกมา 20 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้วจะส่งผลกระทบอย่างไร" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่า ให้ความมั่นใจได้หรือไม่ว่า ระดับน้ำในกรุงเทพมหานครจะไม่สูงเช่นเดียวกับปี 2554 พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ในส่วนกรุงเทพมหานครนั้นต้องดูปริมาณน้ำจากตอนเหนือเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ทราบว่า บริเวณที่มีปริมาณน้ำมากจะอยู่บริเวณขอบของประเทศ เช่น จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ติดแม่น้ำโขง หรือจังหวัดที่ติดกับชายแดนของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ซึ่งปริมาณน้ำส่วนนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกรุงเทพมหานคร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี