7 ส.ค.61 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถีงความคืบหน้าในการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการจัดซื้อครุภัณฑ์ฝึกทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น ปีการศึกษา 2561 ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 458 โรงเรียน งบประมาณ 6 แสนบาทต่อโรงเรียน รวมวงเงิน 279 ล้านบาท ซึ่งเท่าที่ทราบผลการตรวจสอบเบื้องต้นค่อนข้างชัดเจนว่า การจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้มีการล็อคสเปค ขณะนี้ พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศธ.กำลังให้ฝ่ายกฎหมายสรุปและเสนอให้ฝ่ายนิติการ สำนักงานปลัด ศธ.พิจารณาสำนวน คาดว่าจะยื่นกลับมาให้ตนพิจารณาภายในสัปดาห์นี้
รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า ผลการตรวจสอบเท่าที่ทราบ พบว่าการจัดซื้อไม่ทำตามระเบียบพัสดุ มีการล็อคสเปค และบางส่วนมีการเติมสเปคอีก ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปและชี้ลูลว่ามีใครเกี่ยวข้อง หรือมีใครเซ็นอนุมัติบ้าง ถ้าใครเข้าไปเกี่ยวข้องในทางใดทางหนึ่ง ก็ต้องดูว่าเกี่ยวข้องแบบไหน ขณะนี้เท่าที่ฟังโดยวาจามีคนเซ็น แต่โดยหลักฐานก็ต้องสาวไปให้ถึง เรื่องนี้ไม่ต้องกลัวมวยล้ม ไม่มีใครสั่ง ใครจะอะไรผม ถ้าหลักฐานสาวไปถึง ขอให้เข้าใจว่าทุกอย่างทำไปตามขั้นตอน ตนไม่มีไปแกล้งใคร บางคนชอบหาว่าตนไปไล่จับผิดคน แต่การตรวจสอบคราวนี้ก็มีผลดี เพราะทำให้เห็นว่าขบวนการจัดซื้อจัดจ้าง หรือการได้มาของ สพฐ.ในอดีตนั้น มักจะมีลักษณะคล้ายๆ กัน ต่อไปนี้และนับจากวันนี้เป็นต้นไปคงไม่กล้าทำอีก ครั้งนี้งบ 200 กว่าล้านบาท จาก 400 กว่าโรงเรียน ก็เพิ่มเป็น 700 กว่าโรงเรียน ซึ่งในอดีตซื้อกันเท่าไหร่ และอนาคตจะซื้อกันอีกเท่าไหร่ เหตุการณ์นี้ไม่หน้าเกิด ก็ทำให้เกิดความโปร่งใสขึ้นมา
"ผมก็คิดว่าในระยะยาวไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก ถ้าทุกคนทำตามกฎหมาย หรือทำตามนโยบาย ปัญหาก็ไม่เกิด และไม่ฮั้วกับผู้ซื้อ ถ้าทุกคนซื้อตามระเบียบวัสดุที่ถูกต้อง แต่นี่ถึงขั้นยัดไส้สเปคเข้าไปด้วย การล็อคสเปค ไม่ได้เกิดจากระเบียบหรือระบบไม่ดี ระเบียบดีอยู่แล้ว แต่เกิดจากคนไม่ดี เพราะฉะนั้น คนที่จะดูแลเรื่องพวกนี้ก็จะต้องเป็นคนดี และคนที่จะมาตรวจสอบหลังจากตน ก็จะต้องเป็นคนที่เอาจริงเอาจัง รวมถึงเลขาธิการ สพฐ.ก็ต้องเอาจริงเอาจังด้วย ทุกคนที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ต้องกำกับดูแล ไม่เช่นนั้นก็ปล่อยให้ผมและพี่โศลเหนื่อย ต้องลงไปตรวจสอบที่อีสานหรือทุกจังหวัด" รมว.ศธ.กล่าว
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามีผู้กระทำความผิดหลายส่วน ดังนั้น หากมีการชี้มูลความผิดแล้ว ตนก็จะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย ก็คงติดคุกยาวหลังจากออกจากราชการไปแล้ว ส่วนบางคนที่เซ็นไปโดยไม่รู้เรื่องก็อาจจะผิดวินัยไม่ร้ายแรง เท่าที่ทราบในส่วนกลางมีผิดวินัย 4 - 5 คน ก็ระดับเก๋า ส่วนระดับเขตพื้นที่ฯยังไม่ทราบ ต้องบอกว่าคนที่ทำผิดนั้นตนไม่รู้จัก และต้องขอบคุณท่านโกศลที่ได้ข้อมูลเรื่องนี้จากการลงไปตรวจพื้นที่แล้วมีคนฟ้อง และมีบริษัทร้องเรียนมาด้วย และที่ตนมีข้อสังเกตุ คือ เรื่องนี้มีคนร้องเรียนแล้วแต่ทำไมยังนิ่งไม่มีการตรวจสอบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี