เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 7 ส.ค.61 ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางมณีรัตน์ โกทันย์ หรือเจ๊เยา อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 668/3 หมู่ 10 ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ 85/2561 ลงวันที่ 9 เมษายน 2561 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันช่วยเหลือผู้ต้องหากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษเพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้ที่พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม พร้อมด้วยนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ เดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฆ่านายพิพัฒน์ ตั้งพงศ์ทอง หรือเสี่ยกวง อายุ 71 ปี และนางสายันต์ จันทรา หรือเจ๊ยันต์ อายุ 64 ปี สองสามีภรรยา เศรษฐีตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว เพื่อต่อสู้คดีดังกล่าว โดยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
นางมณีรัตน์ กล่าวว่า คดีนี้ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้บงการ หรือจ้างวานฆ่าผู้เสียชีวิตทั้งสองแต่อย่างใด เพียงแต่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับปมสังหาร และผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการสั่งการให้ฆ่านางสายันต์ และนายพิพัฒน์ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างมากใน จ.สระแก้ว
“ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาถูกใส่ร้าย โดยผู้ที่บงการซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งที่รู้จักกันมานานกว่า 7 ปี เพราะพื้นที่ จ.สระแก้ว มีการแข่งขันทางการเมืองกันสูง ที่ผ่านมาฉันก็เป็นทีมงานที่ช่วยหาเสียงให้กับนักการเมืองรายนี้มาตลอด” นางมณีรัตน์ กล่าว
นางมณีรัตน์ กล่าวต่อว่า ในระหว่างที่อาศัยอยู่ใน สปป.ลาว ก็ไม่ทราบมาก่อนว่าถูกศาลออกหมายจับ ไม่คิดว่าจะมีการใส่ร้ายป้ายสีกล่าวหาตนว่าเป็นผู้บงการสังหารผู้เสียชีวิตทั้งสอง โดยก่อนหน้านั้นผู้บงการที่แท้จริงพูดคุยกับตนว่าต้องการเงิน 1 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เลือกที่จะไปหานางสายันต์ ผู้เสียชีวิต แต่ไม่คิดว่าจะกลุ่มผู้กระทำผิดจะกล้าลงมือก่อเหตุจริง จนช่วงที่ตนเดินทางไปทำธุรกิจที่ สปป.ลาว ผู้บงการรายนี้ได้ติดต่อมาว่าขอให้ตนอย่าเพิ่งกลับประเทศไทย อ้างว่าตนถูกดำเนินคดีการเมือง โดยยื่นข้อเสนอจะให้เงินช่วยเหลือ จัดส่งรถในการอำนวยความสะดวกไปรับส่งให้ด้วย
“ส่วนตัวแล้วไม่เคยมีปัญหาโกรธแค้นหรือรู้จักกับนางสายันต์ มาก่อน จึงไม่ทราบว่าทำไมถึงถูกกล่าวหาและมีการออกหมายจับ ยืนยันว่าตกเป็นแพะในคดีนี้ ที่ผ่านเคยได้ยินแต่คำว่าแพะ และเพิ่งจะรู้ว่าแพะเป็นอย่างไรเพราะตอนนี้มันคือตัวเรา สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาออกหมายจับ เนื่องจากฉันกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังและคนร้ายที่แท้จริงนั้น รู้จักกันมาประมาณ 7 ปี และเคยได้มีโอกาสพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องขอยืมเงินจำนวน 1 ล้านเพื่อจะนำมาเป็นเงินลงทุนในการเลือกตั้ง ส่วนรายละเอียดนั้นยังไม่ขอเปิดเผย โดยจะให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ยอมรับว่ารู้จักกับผู้อยู่เบื้องหลังคนนี้มาตั้งแต่ปี 2554 เนื่องจากเคยช่วยเหลือในด้านการหาเสียงเลือกตั้งระดับท้องถิ่น แต่ไม่คิดว่าจะถูกโยนความผิดมาให้” นางมณีรัตน์ กล่าว
ด้าน นายษิทรา เปิดเผยว่า สำหรับนางมณีรัตน์ ผู้ต้องหารายนี้เมื่อทราบเรื่องได้ติดต่อผ่านตน และต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจจึงเข้ามอบตัวกับทางตำรวจ บก.ป.โดยยืนยันว่าคดีนี้ผู้ต้องหาทราบข้อมูลและผู้ที่บงการฆ่าผู้เสียชีวิตทั้งสอง ที่ผ่านมาเป็นเพียงผู้ที่เข้าไปมีส่วนรู้เห็น แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ซึ่งต้องถือว่าเป็นพยานปากสำคัญในคดีนี้ด้วย หลังจากนี้เสร็จสิ้นขั้นตอนที่ บก.ป.แล้ว ก็จะมีการส่งตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีที่ สภ.คลองหาด จ.สระแก้ว ซึ่งตนก็จะติดตามไปร่วมรับฟังการสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังจากการเข้ามอบตัวกับตำรวจกองปราบแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวนางมณีรัตน์ส่งให้กับพนักงานสอบสวน สภ.คลองหาด จ.สระแก้ว เจ้าของคดี เพื่อนำตัวไปดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
สำหรับคดีฆ่าโหดสองเศรษฐีคนดังใน จ.สระแก้ว ครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงและปาดคอ นายพิพัฒน์ ตั้งพงศ์ทอง หรือเฮียกวง และนางสายันต์ จันทรา เศรษฐีนีตลาดโรงเกลือ อย่างโหดเหี้ยม เหตุเกิดภายในคฤหาสน์ที่พักของผู้เสียชีวิตทั้งสอง ตั้งอยู่เลขที่ 16 หมู่ 10 ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่งสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุทั้งสิ้น 12 ราย โดยนางมณีรัตน์ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้วางแผนเพื่อจ้างวานฆ่าผู้เสียชีวิตทั้งสอง
ต่อมาเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภายหลังกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 6 จุดในพื้นที่ จ.สระแก้ว โดยเป้าหมายสำคัญมีทั้งที่ทำงานและบ้านพัก ร.อ.สุเทพ มากสาคร นายกเทศมนตรีเทศบาล ต.คลองหาด , บ้านพักนางกัญญาภัทร ศิริวุฒญาดา อดีตรองนายกเทศมนตรี ต.คลองหาด , บ้านพัก ร.อ.ทองทศ มากสาคร รองประธานสภา อบจ.สระแก้ว พี่ชายของ ร.อ.สุเทพ และบ้านพักของนายวิชัย พุ่มเรือง หรือต่อ อายุ 45 ปี กระทั่งสามารถจับกุมนายวิชัย หนึ่งในผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ติดตามและคนสนิทของ ร.อ.สุเทพ โดยการตรวจค้นดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดของกลาง อาวุธปืนขนาด 9 มม. ปืนลูกซอ พร้อมกระสุน มีดกว่า 10 เล่ม และของกลางอื่นๆ จำนวนมาก ก่อนจะมีการสืบสวนขยายผลทางคดี
อย่างไรก็ดี จากการสอบสวนเบื้องต้นนายวิชัย รับสารภาพโดยจำนนต่อหลักฐาน ทั้งรถยนต์และภาพในกล้องวงจรปิด แต่ยังคงปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าผู้เสียชีวิตทั้งสอง รวมทั้งไม่ยอมเปิดปากถึงมูลเหตุในการสังหารใดๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงมุ่งไปที่ประเด็นความขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น แต่ก็ไม่ตัดทิ้งประเด็นการขัดผลประโยชน์ในตลาดโรงเกลือ และเรื่องหนี้สิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี