9 ส.ค.61 ที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี สถานการณ์น้ำที่ปล่อยจากเขื่อนวชิราลงกรณ ที่ระบายน้ำออกจากเขื่อนไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำแม่กลอง ที่เขื่อนท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เข้าสู่ อ.บ้านโป่ง , อ.โพธาราม และ อ.เมือง จ.ราชบุรี ก่อนจะลงสู่ทะเลอ่าวไทย ที่ปากอ่าว จ.สมุทรสงคราม ภายหลังมีการเปิดเผยข้อมูลสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งมีความจุอ่าง 8,860 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ระดับ 155 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
โดยข้อมูล ณ วันที่ 8 ส.ค.61 เวลา 07.00 น.มีปริมาณน้ำในเขื่อน 7,522 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 85% ทำให้คณะอนุกรรมการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์และบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมีมติให้เร่งพร่องน้ำออกไป เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝน ในช่วงเดือน ส.ค.และ ก.ย.นี้ จึงมีมติปรับแผนการระบายน้ำ วันที่ 6 - 12 ส.ค.61 ระบายน้ำเฉลี่ย 43 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ยังสามารถรับน้ำได้อีก 1,338 ล้านลูกบาศก์เมตร และได้ติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยมีการบริหารจัดการน้ำในอ่างให้อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้
ทำให้ระดับในแม่น้ำแม่กลองมีปริมาณที่สูงขึ้น และจากที่มีการออกประกาศการระบายน้ำของเขื่อนวชิราลงกรณ ทำให้สื่อโซเชียลต่างๆ ได้มีการออกมาให้ข่าวให้ประชาชนเตรียมเก็บของขึ้นที่สูงและรับมือ จนมีการแชร์ออกไปจะนวนมากสร้างความตื่นตระหนก โดยเฉพาะที่ อ.โพธาราม หลังปรากฏตามสื่อและโลกโซเชียลที่มีมวลน้ำไหลท่วมเกาะกลางรำแม่น้ำแม่กลอง ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของ อ.โพธาราม และบริเวณแนวเขื่อนหาดทรายขาว เทศบาลเมืองโพธาราม ส่งผลให้ประชาชนต่างตื่นตกใจตามภาพและข้อความดังกล่าว
นายชำนาญ การงาม วัยอายุ 53 ชาวบ้าน อ.โพธาราม และเป็นอาสาสมัครคอยดูแลเฝ้าดูแลแนวเขื่อนหาดทรายขาว เทศบาลเมืองโพธาราม กล่าวว่า เกาะกลางแม่น้ำแม่กลองซึ่งถูกพัฒนามาเป็นจุดแลนมาร์คเป็นแหล่งท่องเที่ยวของ อ.โพธาราม และทางเทศบาลเมืองโพธารามได้นำเรือมาจอดเป็นแพเพื่อทอดสะพานเข้าไปยังเกาะดังกล่าว ตนยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เนื่องจากเป็นสภาวะปกติที่น้ำจะไหลท่วม เพราะเป็นเกาะที่อยู่กลางน้ำตามธรรมชาติ ซึ่งตนก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก เวลาช่วงน้ำมาหรือทางเขื่อนปล่อยน้ำก็จะท่วมปกติ และถ้าหยุดปล่อยน้ำก็จะลงจนเห็นพื้นที่เกาะเดินข้ามไปเที่ยวชมได้ ส่วนที่มีภาพปรากฏตามสื่อโซลเชียลนั้น ตนมองว่าเกินความเป็นจริง ส่วนที่ระบุว่าสะพานข้ามพังนั้น ตรงนี้ตนขอแจงว่า หลังจากที่มวลน้ำไหลลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ผักตบชวาและกอหญ้าไหลมาติด และสะพานไม่สามารถรับน้ำหนักได้ ทำให้แรงอัดพัดสลักยึดสะพานหลุดออก ซึ่งตนและทีมงานได้ทำการเก็บกลับเข้ามาสู่บริเวณริมเขื่อนเป็นที่เรียบร้อย
ด้าน นายนพรัตน์ รัตนพานิช นายอำเภอโพธาราม กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ระดับน้ำใน อ.โพธาราม ยังอยู่ในสภาวะปกติ ยังไม่มีการได้รับรายงานว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำที่ไหลเอ่อล้นเข้าร่วมแต่อย่างไร แต่ที่มีภาพปรากฎมีน้ำไหลเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เขื่อนหาดทรายขาวโพธาราม ต้องชี้แจงว่าเป็นเรื่องปกติที่น้ำจะไหลเอ่อเข้าท่วม เพราะเดิมเป็นพื้นผิวหาดทราย แต่ทางเทศบาลได้มาก่อสร้างเขื่อนเพื่อให้ประชาชนได้ออกกำลังกายและจัดกิจกรรมงานต่างๆ ไม่มีบ้านเรือนประชาชนหรือมีการตั้งแผงลอยแต่อย่างไร และจากการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์การระบายน้ำของเขื่อนวชิราลงกรณ ตนเองได้กำชับทุกหน่วยงานเตรียมรับมือ โดยระดับน้ำบริเวณริมเขื่อนเทศบาลเมืองโพธาราม สูงขึ้นอยู่ในระดับประมาณ 30 ซม.ซึ่งทางอำเภอได้มอบหมาย ป.ป้องกัน และ อส.ติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณริมเขื่อนอย่างต่อเนื่อง
ในเบื้องต้นได้ดำเนินการแก้ไขโดยปิดท่อระบายน้ำ และทำการสูบน้ำที่ท่วมขังลงสู่แม่น้ำแม่กลอง ได้รับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำจากเทศบาลเมืองโพธาราม จำนวน 1 เครื่อง เทศบาลตำบลบ้านฆ้อง จำนวน 1 เครื่อง เทศบาลตำบลบ้านสิงห์ จำนวน 1 เครื่อง และเทศบาลตำบลดอนทราย จำนวน 1 เครื่อง
ขณะที่บริเวณหน้าเขื่อนรัฐประชาพัฒนาแม่น้ำแม่กลอง เขตเทศบาลเมืองราชบุรี ยังไม่มีรายงานน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ระดับน้ำยังอยู่ในสภาวะปกติ เมื่อเปรียบเทียบกับจุดวัดระดับน้ำเทศบาลเมืองราชบุรี ที่ได้วัดระดับเพื่อเปรียบเทียบระดับน้ำที่เคยเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปี 2539 ที่เอ่อล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลเมืองราชบุรี ประชาชนต้องใช้เรือในการสัญจร เนื่องจากมีการพร่องน้ำในอัตรา 3,600 ลบ.ม./วินาที ซึ่งเป็นการปล่อยน้ำมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น แต่ครั้งนี้ปล่อยในระดับไม่เกิน 1,000 ลบ.ม./วินาที จึงไม่ส่งผลใดๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี