กรมการปกครองแจงยิบปมให้สัญชาติ 4 หมูป่า เผย “หม่อง ทองดี” เตรียมเฮ รอหนังสือรับรองจากกระทรวงวิทย์-ไทยพีบีเอส-กรมอุทยานฯ ก่อนแทงเรื่องถึงมืออธิบดี ปค. ไฟเขียวเป็นไทยเต็มตัว
9 ส.ค.61 นายวีนัส ศรีสุข ผู้อำนวยการสำนักบริหารการทะเบียน กระทรวงมหาดไทย(มท.) ให้สัมภาษณ์กรณีสังคมมีความสงสัยถึงมาตรฐานการให้สัญชาติไทยแก่ 4 หมูป่าอะคาเดมี แต่นายหม่อง ทองดี อดีตแชมป์พับกระดาษที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ยังไม่ได้สัญชาติไทย ว่า กรณีของ 4 หมูป่าอะคาเดมี โดยผลของกฎหมายสัญชาติที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ทำให้เด็กที่เกิดในประเทศไทยโดยมีพ่อแม่เป็นคนต่างด้าว แต่ไม่ได้สัญชาติไทยอยู่ในมาตรา 7 ทวิ วรรคหนึ่ง เด็กเกิดในประเทศไทยโดยบิดา มารดา เป็นต่างด้าว ไม่ว่าจะเป็นต่างด้าวที่ถือพาสปอร์ตเข้ามาประเทศไทย หลบหนีเข้าเมือง หรือเป็นชนกลุ่มน้อย ไม่ให้สัญชาติไทย แต่ในมาตรา 7 ทวิวรรคสองระบุว่าคนที่เกิดแล้วไม่ได้สัญชาติไทย รมว.มหาดไทยสามารถพิจารณาให้สัญชาติไทยภายใต้หลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)กำหนด
ทั้งนี้ กรณี 4 หมูป่าก็ได้สัญชาติไทยในกรณีที่แตกต่างกัน กล่าวคือ มติ ครม.ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์การให้สัญชาติในปัจจุบันคือมติเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.59 กำหนดไว้ดังนี้ กลุ่มที่ 1 เด็กที่เกิดในประเทศไทยโดยมีบิดาหรือมารดาเป็นชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น จีนฮ่อ ไทลื้อ ชาวเขา เป็นต้น ซึ่งพ่อแม่ต้องเข้ามาในประเทศไทยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 ปี ซึ่งด.ช.พรชัย คำหลวง กับด.ช.มงคล บุญเปี่ยม มีแม่เป็นกลุ่มไทลื้อที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งเกิน 15 ปี ฉะนั้นด.ช.พรชัย กับด.ช.มงคลก็ได้สัญชาติ
ขณะที่กรณีของด.ช.อดุลย์ สามอ่อน ไม่สามารถเข้ากลุ่มที่ 1 ได้เพราะถูกพ่อแม่ทอดทิ้งแม้เกิดในประเทศไทย ซึ่งตามหาพ่อแม่ไม่ได้ ด.ช.อดุลย์อยู่ในการดูแลของคริสตจักร อ.แม่สาย จ.เชียงราย จึงเข้าเกณฑ์ในคุณสมบัติกลุ่มที่สองคือเด็กไร้รากเหง้าที่พ่อแม่ทอดทิ้งไป โดยจะได้สัญชาติไทยต่อเมื่อเกิดประเทศไทยเรียนหนังสือในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 10 ปี มีหนังสือรับรองความเป็นคนไร้รากเหง้าออกให้โดยหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ซึ่ง ด.ช.อดุลย์เกิดในประเทศไทยอายุย่าง 14 ปี มีหนังสือรับรองความเป็นบุคคลไร้รากเหง้าออกโดยพม.จ.เชียงราย จึงได้สัญชาติ
สำหรับกรณีของนายหม่อง เกิดในประเทศไทย แต่พ่อแม่ของนายหม่องไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยเพราะพ่อแม่เขาเป็นแรงงานต่างด้าวและเป็นแรงงานที่พิสูจน์สัญชาติกับประเทศเมียนมาแล้ว ถือพาสปอร์ตเมียนมาทั้ง 2 คน จึงเป็นสาเหตุที่นายหม่องขอสัญชาติเหมือนด.ช.พรชัยไม่ได้ เพราะพ่อแม่เป็นแรงงานต่างด้าวไม่สามารถเข้ากลุ่มที่หนึ่งได้ในกรณีของลูกชนกลุ่มน้อย และมีพ่อแม่อยู่ก็ไม่สามารถเข้ากลุ่มที่ 2 ได้เพราะไม่ใช่เด็กไร้รากเหง้าซึ่งส่วนนี้ถือเป็นปัญหา
“ถามว่านายหม่องสามารถได้สัญชาติไทยได้หรือไม่ นายหม่องถือเป็นกลุ่มที่ 3 ของมติ ครม.เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.59 คือบุตรของคนต่างด้าวอื่นๆ ที่ไม่ใช่ชนกลุ่มน้อย ต้องเรียนจบปริญญาตรีในประเทศไทย ถึงมีโจทย์ให้นายหม่องไปเรียนจบปริญญาตรี ซึ่งเมื่อจบปริญญาตรีก็สามารถนำปริญญาบัตร ทรานสคริปต์ขอสัญชาติได้ โดยไม่ต้องสนใจเรื่องพ่อแม่ ซึ่งเมื่อรอให้จบปริญญาตรีก็จะนาน จึงเปิดโอกาสให้กลุ่มที่ 3 ว่าถ้าคนที่ยังเรียนไม่จบปริญญาตรี แต่เป็นคนที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศก็สามารถขอสัญชาติ 7 ทวิได้ แต่มีเงื่อนไขต้องยื่นคำร้องว่าทำคุณประโยชน์ ซึ่งต้องมีหลักฐานการทำคุณประโยชน์โดยมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ” นายวีนัส กล่าว
นายวีนัส กล่าวอีกว่า เมื่อมีหลักฐานตรงนี้แล้ว มติครม.บอกให้รมว.มหาดไทยเป็นคนพิจารณาเหตุ แต่ปัจจุบันไม่ต้องถึงรมว.มหาดไทยเพราะได้มอบให้อธิบดีกรมการปกครองพิจารณาแทน เมื่อนายหม่องมีหนังสือรับรองการทำคุณประโยชน์จากส่วนราชการมาที่อธิบดีกรมการปกครอง ก็จะทำหนังสือกรมการปกครองตอบไปยัง จ.เชียงใหม่ ว่าเป็นคนที่ทำประโยชน์ให้ประเทศ นายหม่องก็จะเอาหนังสือการรับรองจากอธิบดีกรมการปกครองไปขอสัญชาติ
ผอ.สำนักบริหารการทะเบียน กล่าวด้วยว่า ถ้าถามว่าปัจจุบันนายหม่องมีหนังสือรับรองหรือยัง ก็ต้องเรียนว่าตั้งแต่ไปแข่งเครื่องบินกระดาษพับตั้งแต่ปี 52 ก็ยังไม่มีหนังสือรับรองจากหน่วยงานไหน ซึ่งขณะนี้ทราบว่านายหม่องติดต่อประสานขอหนังสือรับรองไปยังกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแล้ว และทางกระทรวงก็จะออกหนังสือรับรองให้ นอกจากนี้จะมีกรมอุทยาน ที่นายหม่องไปสอนเรื่องโดรน รวมถึงสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสที่ถือว่าเป็นหน่วยงานของรัฐ ก็จะออกหนังสือรับรองให้ ซึ่งขณะนี้ทางกรมรอเอกสารจากส่วนราชการอยู่ เมื่อเอกสารส่งมาถึงกรม ทางอธิบดีกรมการปกครองก็จะพิจารณาแล้วแจ้งเรื่องไปยัง จ.เชียงใหม่ เพื่อให้นายหม่องไปขอสัญชาติไทย
สำหรับนายเอกพล จันทะวงษ์ หรือโค้ชเอก ไม่สามารถเข้าเกณฑ์เหมือน 4 คนนี้ได้ เพราะโค้ชเอกเกิดในประเทศไทยโดยมีพ่อเป็นชนกลุ่มน้อย แต่ต่างจากกลุ่มที่ 1 เพราะพ่อของโค้ชเอกเป็นไทยลื้อที่เกิดในไทย แต่ไม่ได้สัญชาติไทยเพราะติดประกาศคณะปฏิวัติ(ปว.337) มีผลตั้งแต่ 2515- 2535 มีผลอยู่ 20 ปี พอถึงปี 2551 ก็มีกฎหมายสัญชาติฉบับที่ 4 เรียกว่า มาตรา 23 คือการคืนสัญชาติให้คนที่ถูก ปว.337 ให้ไปขอสัญชาติไทยกลับมา แต่พ่อโค้ชเอกเสียชีวิต แต่มาตรา 23 คืนให้ถึงบุตรของคนเหล่านี้ที่เกิดในไทยด้วย ซึ่งโค้ชเอกเกิดที่โรงพยาบาลแม่สาย มีหนังสือรับรองการเกิดโค้ชเอกจึงได้สัญชาติไทยตามมาตรานี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี