ศาลสั่งจำคุก “อดีตเณรคำ” อ่วม 114 ปี คดีฉ้อโกงประชาชน-ฟอกเงิน-พ.ร.บ.คอมพ์ สั่งชดใช้เงิน 28 ล้าน คืนให้ผู้เสียหาย 29 ราย ศาลนัดพิพากษาคดีชำเราเด็กหญิงตุลาคมนี้ ขณะที่เจ้าตัวยังยิ้มได้อยู่ในคุกสบายดี มีหลวงเลี้ยงข้าวเจอเพื่อนใหม่เยอะแยะทั้งอดีตท่านเจ้าคุณ-อดีตผอ.พศ.
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 9 สิงหาคม ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีฉ้อโกงประชาชนหมายเลขดำ อ.2341/60 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4เป็นโจทก์ฟ้อง นายวิรพล สุขผล อายุ 39 ปี หรือ อดีตพระวิรพล ฉัตตโก หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ ที่ทางการสหรัฐฯส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน มาดำเนินคดีในประเทศไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2540 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ม.14(1) โดยศาลได้เบิกตัวจำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯมาฟังคำพิพากษา
สืบเนื่องจากเมื่อระหว่างวันที่ 17 ก.พ.2552 - 27 มิ.ย.2556 ต่อเนื่องกัน จำเลยอาศัยความเป็น พระภิกษุ ในฐานะประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษและความศรัทธาของประชาชนโดยจำเลยได้บังอาจหลอกลวงว่า จำเลยนิมิต(ฝัน)พบองค์อินทร์ขอให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลกและสร้างมหาวิหารครอบองค์พระโดยใช้หยกเขียวแท้จากประเทศอิตาลีและสร้างเครื่องทรงพระแก้ว 3 ฤดูด้วยทองคำแท้ก่อสร้างเสาวิหารแก้ว 199 ต้นๆละ3แสนบาท รูปหล่อพระทองคำ(รูปเหมือนจำเลย)ก่อสร้างวิหารสำหรับประชาชนที่วัดป่าฯสาขา1จ.อุบลราชธานี สร้างวัดที่ จ.สุพรรณบุรี รวมทั้งการจัดซื้อเรือ จากสหรัฐฯเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมปี 2554 โดยจำเลยประกาศ ชักชวนให้ประชาชน นำเงิน ทองคำและทรัพย์สินมาบริจาคกับจำเลย ที่วัดป่าฯโดยจัดตู้บริจาค 8 ตู้
นอกจากนี้จำเลยยังได้ใช้เว็บไซต์www.Luangpunenkham.comเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการจัดสร้างสิ่งต่างๆจนมีผู้เสียหาย 29 ราย (เฉพาะที่มาร้องทุกข์)หลงเชื่อว่าจำเลยเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เข้าร่วมบริจาคทองคำ เงินสดและทรัพย์สินอื่นๆรวมมูลค่าทั้งสิ้น 28,649,553บาท แล้วจำเลยโอนเงินที่ได้จากการฉ้อโกง ไปซื้อรถยนต์หรู 3 คัน รถยนต์โตโยต้าแคมรีหลายสิบคัน รถยนต์ตู้โตโยต้า 2 คันโดยทุจริต ทั้งที่ความจริงจำเลยมิได้ก่อสร้างศาสนสถานใดๆเลยตามที่กล่าวอ้างและมิได้เป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแต่อย่างใด เพราะจำเลยต้องปาราชิก พ้นจากความเป็นพระภิกษุ เนื่องจากมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นจนตั้งครรภ์ เหตุเกิดที่ จ.ศรีสะเกษ,อุบลราชธานี,เชียงใหม่และที่อื่นเกี่ยวพันกันขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341และ343 ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีมาโดยตลอด
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่าย แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ไม่มีเหตุปรักปรักปรำใส่ร้ายจำเลยให้ต้องรับโทษทั้งศาลแพ่งได้พิพากษาให้ริบเงินและทรัพย์สิน43 ล้านบาทของจำเลยที่ได้จากการกระทำผิด ตกเป็นของแผ่นดิน และฟังได้ว่าจำเลยมีการใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย เกินกิจของสงฆ์ นั่งเครื่องบินเช่าเหมาลำ นำเงินไปซื้อรถยนต์หลายสิบคันที่ได้จากการฉ้อโกง โดยจำเลยไม่มีพยานหลักฐานมาหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ข้อต่อสู้จำเลยฟังไม่ขึ้น เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป
พิพากษาให้จำคุกฐานฉ้อโกงประชาชน มาตรา343 รวม 29กระทงๆละ3ปี รวม 87ปี,ฐานผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2542มาตรา14(1)รวม 3ปีและความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน12กระทงๆละ 2 ปี เป็นจำคุก 24 ปี รวมจำคุกจำเลย ทั้งสิ้น 114 ปีแต่ตามกฎหมายเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกจำเลยได้ 20 ปี และให้ชดใช้เงินกับผู้เสียหาย 29ราย รวม 28,649,553 บาทตามจำนวนที่ได้ฉ้อโกงไป
ส่วนที่อัยการโจทก์ให้นับโทษต่อจากคดีที่จำเลย ถูกฟ้องฐานกระทำชำเราเด็กหญิงนั้น ศาลอาญายังไม่มีคำพิพากษาจึงให้ยกคำขอนับโทษต่อซึ่งในคดีชำเราเด็กหญิงนั้น ศาลอาญาจะนัดพิพากษาเดือนต.ค.นี้
ผู้สื่อข่ารายงานว่า ขณะอยู่ในห้องพิจารณา นายวิรพล มีสีหน้ายิ้มแย้มได้ทักทายกับญาติธรรมประมาณ 10คนที่มาให้กำลังใจโดยพูดว่าขอให้สบายใจได้ อยู่ในคุกสบายดี มีหลวงเลี้ยงข้าว มีทีว่างอีกเยอะมาอยู่ด้วยกันมั้ย ได้เจอเพื่อนใหม่เยอะแยะทั้งอดีตท่านเจ้าคุณ อดีต ผอ.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)หากต้องติดคุกหลายปีก็ทำใจได้ สบาย ๆหากทำใจไม่ได้ติดแค่วันเดียวก็เหมือนติดเป็นพันปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี