จากกรณีที่นายธัญญา เนติธรรมสกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มีคำสั่งที่ 3041/2561 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2561 โดยให้ นายชาย สุวรรณชาติ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 ซึ่งเป็นหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ไปดำรงตำแหน่ง นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้างจังหวัดสงขลา และ จ.สตูล นั้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง และรอง หน.พรรค ปชป. เผยกับผู้สื่อข่าวที่บ้านพักในเขตเทศบาลเมืองพัทลุงว่านายชายฯ เป็นข้าราชการที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ที่ได้ทำหน้าที่ในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดินมาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ยอมรับของส่วนราชการในพื้นที่ จ.พัทลุง และประชาชน ซึ่งจะมีนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี เคยลงพื้นที่มาให้ขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่มาหลายครั้งแล้ว ซึ่งทางกรมอุทยานฯจะต้องมั่นใจได้ว่าคนที่จะมาทำหน้าที่แทนนายชายฯ จะต้องมีความรู้ ความสามารถ มีความเสียสละและอดทน ไม่น้อยกว่านายชายฯ
นายนิพิพิฏฐ์ ยังกล่าวอีกว่า ตนรู้สึกผิดหวังต่อคำสั่งย้ายนายชายฯ ของกรมอุทยานฯในครั้งนี้ เพราะข้าราชการคนนี้นับเป็นข้าราชการที่ดีและเป็นเพชรเม็ดงามของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากตลอดเวลา 10 ปี ที่นายชายฯ ดำรงตำแหน่ง หน.เขตห้ามล่าฯ ได้นำผู้ใต้บังคับบัญชาออกปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดินมาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยไม่หวั่นเกรงกลุ่มผู้มีอิทธิพล นักการเมือง ฯลฯ ทั้งในและนอกพื้นที่แต่อย่างใด แต่ตลอด 10 ปี ก็ไม่เคยได้รับการเลื่อนระดับตำแหน่งแต่อย่างใด ก็ไม่ทราบว่ามาตรฐานในการให้ความดีความชอบของกรมอุทยานฯ แก่ ขรก.ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดินเขาเอาเกณฑ์มาตรฐานอันไหนมาเป็นเครื่องชี้วัดในการให้ความดี ความชอบแก่ข้าราชการ เพื่อให้ข้าราชการเหล่านี้เจริญเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงาน
ขณะที่ นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร เผยว่า ตนเองก็รู้สึกเสียดายที่กรมอุทยานแห่งชาติได้มีคำสั่งย้าย นายชาย สุวรรณชาติ จากเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ไปเป็นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนช้าง ซึ่งอยู่ในระนาบเดียวกัน เพราะบทบาทผลงานของนายชาย เป็นหัวหน้าหน่วยงานที่มีผลงานผลงานอันดับต้นๆ ของประเทศ สามารถทำกระบวนยึดคืนฝืนป่าที่ถูกยึดคืนไปเป็นจำนวน 70,000 ไร่ ส่วนหนึ่งก็ยึดคืนได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว และอีกส่วนหนึ่งนายชายฯก็พยายามผลักดันเข้าสู่กระบวนการยึดคืนแล้ว ซึ่งเป็นการทำงานที่ยากและเสี่ยงอันตรายมาก แทนที่จะได้รับการตอบแทนให้เลื่อนระดับที่สูงขึ้น กลับย้ายไปที่เท่ากัน และ 10 ปีที่ทำงานที่พัทลุง นายชาย ฯได้ทำงานเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปถึงความเสียสละ อดทน แต่สำหรับกรมอุทยานฯสงสัยว่าทำไมถึงไม่ได้รับการยอมรับ นายชาย สุวรรณชาติ สอบเลื่อนระดับถึง 11 ครั้งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับการพิจารณาให้เลื่อนระดับแต่อย่างใด
นายนริศ กล่าวอีกว่า ตนจึงอยากร้องขอให้ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา ได้ส่องมาดูพฤติกรรมการทำงานของกรมอุทยานฯในขณะนี้ว่าปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ในฐานะคนติดตามเรื่องนี้มาอย่างใกล้ชิด และเคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฏร เชื่อว่าหากมีการตรวจสอบกันอย่างจริงจังจะพบอีกหลายเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล และตนพร้อมที่จะให้ข้อมูลรายละเอียดทั้งหมด
คำสั่งย้ายนายชายฯ ในครั้งนี้ ได้สร้างความงุนงงสงสัยให้กับ หน.ส่วนราชการ ประชาชน ในจังหวัดพัทลุง เนื่องจากนายชายฯ ได้เดินหน้าการขับเคลื่อนในการเพิกถอนการถือครองเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบในพื้นที่เขตห้ามล่าฯ ใน จ.พัทลุง นครศรีธรรมราช และ จ.สงขลา มาอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถยึดยืนพื้นที่บุกรุกได้พื้นที่คืนมามายแทนที่ได้รับรางวัล กลับถูกย้ายกลางคัน และอยู่ในระนาบเดียวกัน กลัวว่าการยึดดืนฝืนป่าจะหยุดชะงักไปด้วยหรือเพราะที่ดินดังกล่าวอาจเป็นของผู้มีอิทธิพลหรืออาจเป็นของกลุ่มทุนใหญ่ก็เป็นได้ จึงอยากให้ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองระดับนายกรัฐมนตรีลงมาดูหรือส่งคนที่ไม่ใช่จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงมดูและติดตามอย่างใกล้ชิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี