10 ส.ค.61 จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำกำลังจับกุมตัวนาย จิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต (จาระวิจิต) หรือ บูม นักแสดงจากซีรี่ย์เรื่องหนึ่ง ที่บริเวณชั้น 2 ห้างเมเจอร์รัชโยธิน ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.ขณะที่กำลังถ่ายทำละครเรื่องใหม่ เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน หลังถูกผู้เสียหายชาวต่างชาติเข้าแจ้งความเอาผิดว่าถูกนายบูมและครอบครัว หลอกลงทุนสกุลเงินดิจิตอล ทำให้เสียหายกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งนอกจากนี้ตำรวจกองปราบปรามยังออกหมายจับ นายปริญญา จารวิจิต และ น.ส.สุพิชย์ฌา จารวิจิต พี่ชายและพี่สาวของนายบูม ในข้อหาเดียวกันด้วย ตามที่ได้เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าวล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น.ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร.ต.อ.ศุภชัย ชาติมนตรี รอง สว.สอบสวน กก.1 บก.ป.ทำการเบิกตัว นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม อายุ 27 ปี ดารานักแสดง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1694/2561 ลง 26 ก.ค.61 ข้อหา "ร่วมกันฟอกเงิน" ออกจากห้องคุมขัง เพื่อนำตัวส่งฝากขังผัดแรกยังศาลอาญา
ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวนายจิรัชพิสิษฐ์ ไปฝากขังนั้น ได้มีกลุ่มเพื่อนเดินทางเข้าเยี่ยมและพูดคุยนายจิรัชพิสิษฐ์ ที่บริเวณหน้าห้องควบคุม โดยนายจิรัชพิสิษฐ์ มีสีหน้าที่วิตกกังวล พูดกับเพื่อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเพื่อนๆ ต่างก็ให้กำลังใจ อีกทั้งตลอดการถูกควบคุมตัวเพื่อทำการสอบสวนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมานั้น นายจิรัชพิสิษฐ์ยังคงยืนกรานให้การปฎิเสธ และยืนยันตามคำให้การเดิม คือ ไม่มีส่วนรู้เห็น โดยอ้างว่าบัญชีดังกล่าวถูกพี่ชายนำไปใช้ อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีมูลค่าความเสียหายสูง เกรงจะหลบหนี
ขณะที่ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า สำหรับตัว น.ส.สุพิชย์ฌา อีก 1 ผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน และเป็นพี่สาวของนายจิรัชพิสิษฐ์ นั้น เบื้องต้นได้มีการประสานผ่านคนกลางติดต่อเข้ามาเพื่อขอสอบถามเรื่องการเข้ามอบตัว และรายละเอียดเกี่ยวกับหลักทรัพย์ในการขอยื่นประกันตัว แต่ยังไม่ได้มีการระบุวันเวลาสถานที่ในการเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม สำหรับตัว น.ส.สุพิชย์ฌา นั้น เบื้องต้นจากการตรวจสอบยังไม่พบข้อมูลว่ามีการหลบหนีออกนอกประเทศแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป.กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนทางเจ้าหน้าที่ยังพบข้อมูลมากพอที่เชื่อว่าน่าจะสามารถออกหมายจับเพิ่มผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้อีกประมาณ 5 - 6 คน ในข้อหา "ฉ้อโกงทรัพย์" ซึ่งทั้งหมดนี้ยืนยันว่าไม่ใช่คนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใด ขณะที่ในส่วนของตัว นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ บุคคลที่มีชื่อเสียงในตลาดหลักทรัพย์ ที่ได้เดินทางมาเข้าพบเมื่อวานที่ผ่านมานั้น (9 ส.ค.) เป็นการเข้าชี้แจ้งที่เรื่องราวดังกล่าว โดยอ้างว่าตนเองตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้เช่นเดียวกัน แต่จากการสืบสวน รวบรวมหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อมูลที่เชื่อได้ว่า นายประสิทธิ์อาจจะมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จากการตรวจสอบบริษัททั้ง 3 แห่ง ที่กลุ่มผู้ต้องหาหลอกให้ผู้เสียหายซื้อหุ้นร่วมลงทุน ซึ่งมีการเปิดทั้งในประเทศไทย และที่ฮ่องกง พบว่านายปริญญา ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าวจริง อีกทั้งจากการตรวจสอบทะเบียนการค้าทั้ง 3 บริษัท ยังพบว่ามีคนในตระกูลจารวิจิตร เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย และบางบริษัทที่มีการแอบอ้างกับผู้เสียหายนั้นไม่มีตัวตนจริง นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าวอีกหลายบริษัท ซึ่งตำรวจกองปราบปรามอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า นายปริญญา เคยมีประวัติถูกออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ ในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร อีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี