สตูลหวั่นซ้ำรอยติดถ้ำ! อช.กู้ภัย ซ้อมแผนช่วยเหลือนักท่องเที่ยวติด “ถ้ำโตนดิน” หลังสำรวจมีสภาพคล้ายถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน พร้อมเตือนผู้ที่ชื่นชอบสำรวจถ้ำปฏิบัติตามกฏของอุทยานฯ
13 ส.ค.61 จากเหตุการณ์ 13 หมูป่าติดน้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ทำให้เกิดการตื่นตัว หลายภาคส่วนระดมสมอง หาแนวทางป้องกันการเกิดซ้ำ อย่างพื้นที่จังหวัดสตูล มีถ้ำมากมาย ใส่ส่วนถ้ำโตนดิน เขตอุทยานแห่งชาติทะเลบัน อ.ควนโดน จ.สตูล เป็นถ้ำที่มีน้ำภายในถ้ำ ซึ่งมีสภาพภายในถ้ำคล้ายกับถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนฯ เมื่อมีกลุ่มฝนมากๆ ก็จะมีน้ำไหลหลากแรง เสี่ยงเกิดอันตรายหากมีนักท่องเที่ยวเข้าไปในช่วงนั้น
เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานในสถานที่จริงพร้อมกับได้เข้าใจในระบบถ้ำมากขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องอากาศ ความชื้น ความมืด ความลื่น และจุดเสี่ยงจุดอันตรายต่างๆ นับเป็นการทบทวนทักษะ ความพร้อมของ นักกู้ภัย และการบริหารจัดการในการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวติดถ้ำ ที่บริเวณหน้าถ้ำโตนดิน เขตอุทยานแห่งชาติทะเลบัน ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทะเลบัน ผสมกำลังรวม 8 หน่วยงาน ตั้งศูนย์บัญชาการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวติดถ้ำโตนดิน ซึ่งมีนายจรัญ ขุนณรงค์ หน.อุทยานแห่งชาติทะเลบัน เป็นหัวหน้าศูนย์บัญชาการจุดเกิดเหตุในครั้งนี้
โดยสมมุติเหตุการณ์ นักท่องเที่ยวจำนวน 8 คน ติดอยู่ภายในถ้ำซึ่งมีน้ำหลากปิดทางเข้าออกจากน้ำ นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวหนีน้ำขึ้นไปหลบยังที่สูง โดยพบนักท่องเที่ยวบาดเจ็บเล็กน้อย บริเวณแขน ขา ผิวหนังถลอก และหัวแตกจากเหตุงอกหินย้อยซึ่งมีอยู่ภายในถ้ำ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ 2 คน
หลังได้รับแจ้งทางศูนย์บัญชาการจุดเกิดเหตุ ได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวจากทีมค้นหา ก่อนส่งกำลังชุดกู้ภัย นำอุปกรณ์ในการช่วยเหลือเข้าไป ก่อนนำนักท่องท่องเที่ยวออกมาได้ โดยนักท่องเที่ยว 2 ราย ซึ่งได้รับบากเจ็บ มีการปฐมพยาบาลบริเวณหน้าถ้ำโตนดิน โดยการให้ออกซิเจน ก่อนจะลำเลียงด้วยแปลหามลงมาจากหน้าปากน้ำซึ่งมีความสูง 15 เมตร ลงมายังศูนย์บัญชาการ ก่อนส่งไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุ บรรยากาศการฝึกซ้อมแผนช่วยเหลือน้ำท่องเที่ยวติดถ้ำ เป็นไปอย่างราบรื่น แม้จะมีฝนตกลงมาประปราย
ด้านนายจรัญ ขุนณรงค์ (หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทะเลบัน) ผู้บัญชาการจุดเกิดเหตุ กล่าวว่า ถ้ำโตนดินจะมีน้ำไหล ลักษณะเป็นถ้ำหินปูน คล้ายกับถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ภายในมีโถงถ้ำ แต่ถ้ำโตนดินจะยากหน่อยตรงปากทางเข้าถ้ำค่อยข้างเล็กเพียงลอดตัวเข้าไป ซึ่งการจะลำเลียงผู้ป่วยออกมาจากภายในถ้ำนั้นค่อนข้างยาก สำหรับผลจาการฝึกซ้อมแผนในครั้งนี้ ผลออกมาค่อนข้างดี เราได้รู้ระบบการบูรณาการ การประสานงานกับส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี นี่ก็จะเป็นมาตรฐานในการช่วยเหลือหากเกิดเหตุจำเป็น ก็สามารถช่วยเหลือได้โดยทันที สำหรับการสั่งปิดถ้ำนั้น เกิดขึ้นหลังจากการประเมินสถานการณ์ และหากไม่มีอันตรายก็สามารถเปิดให้ดำเนินการต่อเนื่องไปได้ ในส่วนของถ้ำโตนดินนี้ก็ประเมินแล้วระบบทางเดินต่างๆรวมถึงแสงสว่างยังไม่พร้อมต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ ซึ่งในช่วงหน้าฝนก็ต้องปิดให้บริการอยู่แล้ว คาดว่า ห่างหน้าฝนช่วงมกราคม กุมภาพันธ์ ก็สามารถเปิดให้บริการท่องเที่ยวศึกษาเรียนรู้ได้
กำพลศักดิ์ สัสดี นักสำรวจถ้ำ (1ในทีมช่วยเหลือ 13 หมูป่าติดถ้ำหลวงฯ เชียงราย) กล่าวว่า ในส่วนของถ้ำโตนดินนี้มีความคล้ายคลึงกับถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ในด้านความลึกและความชื้น มีลักษณะเป็นถ้ำน้ำ ความยาว 700 - 800 เมตร ภายในถ้ำมีหินแหลมคมเยอะ หกล้มได้ง่าย ซึ่งการช่วยเหลือค่อนข้างลำบาก เพราะเส้นทางขรุขระเต็มไปด้วยหินแหลมคม น้ำไม่ลึกมากประมาณเข่า ลึกมากก็ประมาณเอว
ทั้งนี้หลังจากผ่านการซ้อมแผนช่วยเหลือนักท่องเที่ยวติดถ้ำแล้ว จะทำให้การช่วยเหลือทำได้ง่ายขึ้น เพราะได้ไปสัมผัสที่แคบๆ ที่มืด อากาศน้อย เมื่อมีการซ้อมครั้งที่ 2 และ 3 ก็จะทำงานง่ายขึ้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้าถ้ำ อยากแนะนำให้ประสานทางเจ้าหน้าที่ หรือไกด์ท้องถิ่นในการเข้าไปด้วย หากไม่เคยเข้าไปก็ไม่ควรเข้าไปโดยลำพัง ควรมีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทะเลบันติดตามไปด้วยทุกครั้ง ห้ามไปกันเองโดยลำพัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี