13 ส.ค.61 ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊กส่วนตัว ในหัวข้อ "ความลับที่ประชาชนรู้ไม่ได้ จากความลับทางทหารสู่ความลับทางการค้า" โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อราชการจะจัดซื้ออะไรแพงๆ เขามักใช้คำว่า "ความลับทางทหาร" หรือ "ความมั่นคงของชาติ" เพื่อปกปิดข้อมูล แต่เมื่อถูกคัดค้านและตรวจสอบจากประชาชนมากขึ้นจึงเริ่มมีข้อจำกัดขึ้นมาบ้างว่าหน่วยงานไหนและภายใต้เงื่อนไขอะไรจึงจะอ้างเช่นนี้ได้
มาวันนี้ การซื้อดาวเทียม 7 พันล้านบาทได้อ้างว่า มีหลายเรื่องหลายอย่างเปิดเผยให้ประชาชนรู้ไม่ได้เพราะเป็น "ความลับทางการค้า" ที่ไปตกลงไว้กับต่างชาติ ทำให้สงสัยว่า ผลประโยชน์ทางการค้าของเอกชนสำคัญกว่าผลประโยชน์ของชาติหรืออย่างไร
ประเด็นนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. เคยกล่าวไว้ว่า
"ถ้าเอาเงินภาษีของประชาชนไปใช้ การจะอ้างว่าเรื่องใดเป็นความลับทางการค้า ผู้อ้างต้องหาหลักฐานมารองรับให้ได้ว่า เรื่องนั้นเป็นไปตามกฎหมายหรือข้อตกลงระหว่างประเทศฉบับใด จะมาอ้างเอาลอยๆ หรือไปตกลงกันเองไม่ได้"
คนป่ามีปืน:
หน่วยงานที่จะซื้อดาวเทียมยังให้ข้อมูลอีกว่า ขั้นตอนการจัดซื้อครั้งนี้ใช้ "ระเบียบพัสดุของหน่วยงานเอง" ไม่ได้ใช้ระเบียบสำนักนายกฯ ปี 2535 หรือ กฎหมายจัดซื้อจัดจ้างฯ ที่ออกมาเมื่อโครงการจัดซื้อเริ่มเดินไปบ้างแล้ว
ประเด็นมีอยู่ว่า ที่ผ่านมา การที่หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต่างคนต่างออกระเบียบจัดซื้อจัดจ้างของตนเองนั้น เปรียบดั่ง "คนป่ามีปืน" คือมีข้อดีอยู่บ้าง แต่ก็สร้างปัญหาตามมาอย่างมากโดยเฉพาะเรื่องคอร์รัปชัน จนเป็นเหตุให้รัฐบาลต้องตรา พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ 2560 ออกมาเพื่อให้การใช้เงินของแผ่นดิน เงินของประชาชน เป็นมาตรฐานเดียวกันโดยยึดหลัก "ความคุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้"
การนำ "ข้อตกลงคุณธรรม" มาใช้ก็เพื่อวัตถุประสงค์นี้ แต่จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับคนของรัฐและพ่อค้าที่เข้าร่วมโครงการต้องให้ความร่วมมือจริงจัง คือต้องเปิดเผยและยินยอมให้ผู้แทนภาคประชาชนตรวจสอบได้อย่างปรุโปร่ง สังคมจึงจะมั่นใจได้ว่าการจัดซื้อนั้นเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ต่อไปใครจะค้าขายกับราชการ ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติที่ก็สบายใจว่าไม่ต้องวิ่งเต้นและบวกราคามากๆ ไว้จ่ายใต้โต๊ะให้กับใคร
อันที่จริง "ข้อตกลงคุณธรรม หรือ Integrity Pact" ไม่ใช่ของใหม่ แต่เป็นกติกาสากลที่ใช้กันมานานโดยรัฐบาลนี้รับมาตั้งแต่ปี 2558 เพื่อหวังให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ในการทำงานของข้าราชการ คือทำอย่างโปร่งใส ทำงานร่วมกับตัวแทนประชาชนที่มีความรู้ มากประสบการณ์และเสียสละอาสาเข้ามาช่วยคิด ช่วยตรวจสอบ เพื่อเป็นหลักประกันว่า การลงทุนในโครงการของรัฐจะเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ ลดความสูญเสียจากความผิดพลาดในการบริหารจัดการและช่วยลดการรั่วไหลของเงินภาษี
หลายโครงการที่สำเร็จไปแล้วยังพบว่า ทั้งผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ต่างทำงานมั่นใจสะดวกสบายขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องคอยเกรงใจผู้ใหญ่หรือใครที่จะมาแทรกแซงเพราะมีคนกลางคอยช่วยจับตาอยู่
หมายเหตุ:
"ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ" ประกาศใช้เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2535 สมัย นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี โดย คุณวัลลภ ภักดีสุข นายกสมาคมนักบริหารพัสดุแห่งประเทศไทย เล่าว่า เหตุสำคัญที่สมัยนั้นให้ออกเป็นระเบียบสำนักนายกฯ ไม่ออกเป็นพระราชบัญญัติ ก็เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นคล่องตัวของหน่วยราชการ ให้สามารถปรับแก้หรือขอยกเว้นการปฏิบัติตามกฎระเบียบได้รวดเร็ว ทันต่อความจำเป็น แต่แล้วพวกคนมีอำนาจในแต่ละยุคก็หาช่องว่างให้หน่วยงานต่างๆ ไปออกระเบียบของตนเองตามต้องการจนเสียหลักการไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี