เอกสารโอนเงินมัด จ่อหมายจับพ่อ-แม่‘บูม บิทคอยน์’
ความคืบหน้ากรณีเมื่อช่วงเช้าวันนี้(15 ส.ค.61) น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต พี่สาวของนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือ “บูม บิทคอยน์” อายุ 27 ปี ดาราและนายแบบชื่อดัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ร่วมกันฟอกเงิน ตามความผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (5) , 5 (1) และ (2) และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 เดินทางเข้ามอบตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยมี พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป.รอรับมอบตัวและสอบปากคำผู้ต้องหา
ล่าสุดรายงานข่าวจากกองปราบปราม แจ้งว่า น.ส.สุพิชฌาย์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการหลอกลวงผู้เสียหาย เพียงแต่ถูกใช้บัญชี ซึ่งเป็นเรื่องของ นายปริญญา จารวิจิต ซึ่งเป็นพี่ชาย
สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการดังกล่าว ได้มีการหลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนซื้อขายเงินสกุลดิจิตอลด้วยเหรียญบิทคอยน์ โดยให้มาลงทุนในประเทศไทย นำเหรียญดังกล่าวไปเปลี่ยนเป็นอีกหนึ่งสกุล เพื่อลงทุนต่อยังตลาดหลักทรัพย์ แล้วนำไปใช้ในบ่อนการพนันที่มาเก๊า ไม่ได้มีการนำเงินไปลงทุนตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด และกลุ่มผู้ต้องหาได้นำเงินดังกล่าวไปหมุนเวียนใช้จ่ายภายในครอบครัว และใช้เงินซื้อฝากที่ดินอันเข้าข่ายฟอกเงิน
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออายัดเงินไว้ได้แล้วกว่า 200 ล้านบาท และอยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 40 บัญชีด้วย
ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวภายหลังร่วมสอบปากคำ น.ส.สุพิชฌาย์ ว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น น.ส.สุพิชฌาย์ ยังคงให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการฉ้อโกง หรือฟอกเงินตามที่ถูกกล่าวหา แต่ยอมรับว่าได้รับโอนเงินจากนายปริญญา ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาอีกรายหนึ่ง รวมยอดเงินประมาณ 200 ล้านบาท โดยเข้าใจว่าเป็นเงินที่ได้จากการทำธุรกิจ การเล่นหุ้น ไม่ทราบว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งเงินกว่า 200 ล้านบาทนั้น มีการแปรสภาพไปซื้ออสังหาริมทรัพย์บางส่วนแล้ว
สำหรับขั้นตอนหลังจากสอบปากคำ น.ส.สุพิชฌาย์ เสร็จสิ้นแล้วก็จะดำเนินการในแนวทางเดียวกับ นายจิรัชพิสิษฐ์ โดยพนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน และจะคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ฝากขัง ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้
“ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้เพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 5-6 รายนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเครือญาติของผู้ต้องหาทั้ง 3 ที่เปิดบัญชีรับโอนเงินจากการกระทำความผิด โดย 2 ใน 6 น่าจะเป็นตัวพ่อและแม่ของผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากทางตำรวจ บก.ป.ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของครอบครัวผู้ต้องหาที่ จ.ชลบุรี ได้ตรวจสอบพบเอกสารการรับโอนเงินจากนายปริญญา ไปถึงพ่อและแม่นายปริญญา ด้วย” พล.ต.ต.ไมตรี กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี