ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่ถือว่าได้สร้างความสั่นสะเทือนให้แก่กลุ่มธุรกิจสารเคมีและวัตถุอันตรายทางการเกษตรได้อยู่ไม่น้อย และที่สำคัญเหตุการณ์ที่ว่า แม้จะเกิดขึ้นไกลถึงสหรัฐอเมริกา แต่ก็สร้างผลสะเทือนมาได้ไกลจนถึงเมืองไทย
เหตุการณ์แรก ท่านผู้อ่านที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดคงทราบกันดีสำหรับกรณีศาลมลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ มีคำพิพากษาให้ “บริษัทมอนซานโต” ซึ่งเป็น 1 ใน 6 บริษัทผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของโลก จ่ายเงินชดเชยจำนวน 289 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9,248 ล้านบาท ให้ นายดิเวน จอห์นสัน อดีตผู้ดูแลสนามหญ้าของโรงเรียนแห่งหนึ่งที่กำลังจะตายด้วยโรคมะเร็ง จากผลกระทบในการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชหรือยาฆ่าหญ้า “ราวด์อัพ” ที่มีสารอันตรายอย่าง “ไกลโฟเซต” เป็นส่วนประกอบหลัก และคดีนี้ก็เป็นคดีแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการยื่นฟ้องร้องว่า “ไกลโฟเซต” มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง
แม้ว่า “มอนซานโต” จะปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันเรื่องการยื่นอุทธรณ์ แต่ก็มีการคาดหมายกันว่า คดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้กับศาลสหรัฐในการตัดสินคดีลักษณะเดียวกันนี้ ที่ยังมีผู้ฟ้องร้องบริษัทสารเคมีแห่งนี้อยู่อีกถึงประมาณ 5,000 คดี
เหตุการณ์ต่อมาเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันคือ ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐ ได้มีคำสั่งให้ “สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม” (EPA) ประกาศห้ามขาย “คลอร์ไพริฟอส” สารเคมีกำจัดแมลงศัตรูพืชภายใน 60 วัน โดยคดีนี้มีอัยการจากหลายรัฐที่เข้าร่วมฟ้องคดีนี้ ร่วมกับกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมและเกษตรกรในสหรัฐ
ถามว่าแล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวกับประเทศไทยยังไง? ก็คงบอกได้ว่า มันคงไม่เกี่ยวถ้าสารเคมีทั้ง 2 ชนิดนี้ไม่เป็น 2 ใน 3 ของสารเคมีกำจัดศัตรูพืช 3 ชนิด อันประกอบไปด้วย พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ที่
คณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง มีความเห็นขอให้มีการประกาศ “แบน” สารเคมีทั้ง 3 ชนิด โดยยกเลิกการใช้พาราควอตและคลอร์ไพริฟอสในประเทศไทย ส่วนไกลโพเซตให้มีการจำกัดพื้นที่ในการนำไปใช้งาน
แต่ต่อมาข้อเสนอดังกล่าวก็กลับกลายเป็นหมัน เพราะทั้ง “กรมวิชาการเกษตร” และ “คณะกรรมการวัตถุอันตราย”
ต่างบอกปัด “ไม่ยกเลิก” แต่ให้จำกัดการใช้งานแทน โดยอ้างว่าข้อมูลผลกระทบทาง
สิ่งแวดล้อมและสุขภาพยังไม่เพียงพอ
บรรทัดนี้ผมคงไม่เสียเวลามานั่งเถียงการใช้ “วิจารณญาณ” ของกรมวิชาการเกษตรและคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่า มันถูกต้องหรือมีข้อน่างุนงงสงสัยใดๆ หรือไม่ อย่างไร เพราะถึงพูดไปก็ยังคงไม่แคล้วต้องเจอแต่ข้ออ้างเดิมๆ
ลองหันไปมองดูโลกแล้วหันกลับมามองตัวเองครับ แล้วจะทราบว่าการตัดสินใจที่เกิดขึ้นมีความน่าเชื่อมากน้อยเพียงใด
นี่ยังไม่นับรวมความเห็นแย้งจาก “คณะกรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข” ที่เพิ่งออกมาหมาดๆ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมานะครับ
มะลิลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี