“งัน” ซึ่งเป็นคำภาษาอีสาน แปลว่า การขับกล่อม หรือการละเล่นกิจกรรมบางอย่างมีให้มีความรื่นเริง ส่วนคำว่า “ขอนผี” นั้นแปลว่า ศพหรือร่างที่ไร้วิญญาณ แม้ฟังดูแล้วอาจเหมือนน่ากลัวแต่ความเป็นจริงนี่คือประเพณีชาวอีสานที่สร้างความอบอุ่นให้กับญาติที่มีสมาชิกในครอบครัวเสียชีวิต
เนื่องจากในงานศพนั้นเรามักพบความโศกเศร้า ดังนั้น การมีเพื่อนบ้านมางัน หรือมารวมตัวเพื่อให้บรรยากาศมีความคึกคักนั้น จึงนับเป็นเรื่องที่จำเป็นที่คนในชุมชนให้ความสำคัญ
งันขอนผี และงันเฮือนดี ทั้งสองอย่างนี้เป็นภาษาและประเพณีดั้งเดิมของชาวภูไท ซึ่งมีความเหมือนและความแตกต่างกันไม่มากนัก “งันขอนผี” จะเล่นกันในงานศพ ส่วน “งันเฮือนดี” จะเล่นกันหลังจากวันที่เอาศพไปเผา ซึ่งการละเล่นทั้งสองอย่างนี้จะเล่นเหมือนกันแตกต่างเพียงช่วงเวลาที่เล่น แต่เป้าหมายเหมือนกัน คือการคลายความทุกข์โศก และการสร้างมิตรภาพหรือความสัมพันธ์อันดีของเครือญาติและคนในชุมชน
นางมาลัย นวลบัตร ปราชญ์ชุมชนชาวภูไทบ้านกุดบอด หมู่ 13 ต.สงเปลือย อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า “แต่ก่อนงานศพไม่เหมือนปัจจุบัน ศพเราจะวางเอาไว้บนตะแค่ไม้หรือไม่ก็วางบนพื้นบ้านแต่ละหลังอยู่ห่างกันมาก ทำให้การเดินทางแต่ละครั้งนั้นก็จะเกิดความกลัว ไฟฟ้าก็ไม่มี มีเพียงตะเกียงเจ้าพายุนำทาง ดังนั้นพวกหนุ่มสาวแต่ก่อนจึงจะจับกลุ่มกันเดินทางไปบ้านงาน พอไปถึงบ้านงานบรรยากาศในงานก็น่ากลัว ศพก็ไม่ได้อยู่ในโลงเพราะแต่ก่อนมันไม่มี มันจึงเกิดงันขอนผี และงันเฮือนดีขึ้นมา”
ปัจจุบันงันขอนผี และงันเฮือนดี เริ่มที่จะสูญหายไป เนื่องจากปัจจุบันไฟฟ้าเข้าถึงหมู่บ้าน มีการใช้โลงศพ มีเทคโนโลยีเข้าถึงตัวหมู่บ้าน ความน่ากลัวจากที่มีในอดีตจึงลดลงไปตามกาลเวลา และสิ่งสำคัญชาวบ้านเริ่มหันไปเล่นการพนัน ดื่มสุราภายในงานศพกันมากขึ้น
ชุมชนบ้านกุดบอด ต.สงเปลือย อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ โดยการนำของนางมาลัย นวลบัตร ซึ่งเป็นปราชญ์ชุมชนภูไทมองเห็นปัญหาดังกล่าวและต้องการรื้อฟื้นและอนุรักษ์ประเพณีผีงันขอนเอาไว้เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างครอบครัวเครือญาติ และคนในชุมชน รวมทั้งการลดปัญหาการดื่มสุรา และการเล่นพนันในงานศพ จึงร่วมกับคณะกรรมการหมู่บ้านทำโครงการสร้างเสริมครอบครัวให้อบอุ่นในระดับชุมชนโดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
การเล่นคล้องช้าง เป็นอีกหนึ่งการละเล่นสนุกสนาน มีวิธีการเล่นง่ายๆ โดยการนำเอาผ้าขาวม้ามาผูกเป็นบ่วง และให้ผู้เล่นนั้นเอามือลอดบ่วงไปจับสิ่งของที่อยู่ด้านตรงข้ามโดยเร็ว ก่อนที่ผู้จับผ้าขาวม้านั้นจะรัดแขนได้ โดยปกติการเล่นคล้องช้าง ถ้าผู้หญิงเป็นผู้จับสิ่งของผู้ชายก็จะจับผ้าขาวม้า หรือถ้าผู้ชายเล่น ฝ่ายหญิงก็จะเป็นผู้จับผ้าขาวม้า ซึ่งผู้จับสิ่งของก็จะหลอกล่อผู้ถือผ้าขาวม้า ด้วยการพูดคุยหยอกล้อ จนผู้จับบ่วงเผลอจึงจะจับเอาสิ่งของ โดยการเล่นคล้องช้างถ้าหากผู้เล่นโดนรัดแขน ก็จะถูกถามจากผู้ที่จับบ่วง ในขณะเดียวกันถ้าเอามือออกมาทัน ผู้จับผ้าขาวม้าก็จะเป็นผู้ถูกถาม โดยกติกาการเล่นคือต้องตอบความจริงเท่านั้น หรือแม้แต่การเล่นหมากกระโตกก็เป็นเพียงการนำช้อนมาหมุนบนถาดข้าวถ้าหากช้อนชี้ไปทางผู้ใด ผู้นั้นก็ต้องตอบคำถามตามความจริง หรือไม่ก็จะเป็นการร้องเพลงหรือเต้นแทนการตอบคำถามซึ่งสร้างความสนุกสนานให้แก่ผู้ละเล่นเป็นอย่างดี
กว่า 3 ปี ของการฟื้นประเพณีดั้งเดิมให้กลับมาอีกครั้ง แม้จะเป็นงานศพแต่ก็เป็นช่วงเวลาของการอยู่ร่วมกันทั้งในครอบครัว และเครือญาติ โดยใช้การละเล่นเหล่านี้เพื่อให้เกิดการพูดคุยและการเตือนสติกัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือการทำให้คนรุ่นหลังได้รู้จักประเพณีดั้งเดิมที่เลือนหายไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่าน และปัญหาการดื่มเหล้าและการพนันในงานศพลดลงที่สำคัญ การละเล่นยังเป็นกุศโลบายให้คนในครอบครัว เครือญาติได้อยู่ด้วยกัน พูดคุยกันมากขึ้น ทำให้ครอบครัวอบอุ่นมากขึ้น เพราะเชื่อมั่นว่าการสร้างความเข้มแข็งในระดับครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนนั่นเอง
สมใจ นามสุดตา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี