แม้ปีนี้เป็นปีที่สดใสยิ่งสำหรับสินค้าข้าวไทย ดังที่ได้รายงานเป็นระยะๆ ว่า ตลาดโลกมีความต้องการซื้อข้าวไทยสูงมาก โดยเฉพาะ “หอมมะลิ” ข้าวพรีเมียมสำคัญที่มีปริมาณการส่งออกเกือบ 20%ของสินค้าข้าวไทยทุกชนิด...ทำให้ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ส่งผลดีต่อราคาข้าวในประเทศอย่างยิ่งด้วย
แต่ผมเพิ่งเขียนไป 2-3 สัปดาห์ก่อนถึง“ภัยคุกคาม” ในอนาคตอันใกล้ จากการที่สหรัฐอเมริกาได้พัฒนา “ข้าวหอมสายพันธุ์ใหม่” ถึง 3 สายพันธุ์คือ จัสมิน“Aroma17,จัสมิน“CLJ 01” และจัสมิน “Calaroma 201” ที่มีคุณภาพเยี่ยม ความนุ่มหอมอร่อยทัดเทียมข้าวหอมมะลิไทย แต่ให้ผลผลิตสูงกว่ามากคือ ผลผลิตสูงถึงไร่ละกว่า 1,600 กก. ซึ่งเริ่มส่งเสริมชาวนา“ลุงแซม”เพาะปลูกแล้ว ทำให้ปริมาณส่งออกข้าวไทยไปสหรัฐลดลงทุกปี นอกจากนั้นยังน่าห่วงว่า ในอนาคต“ข้าวหอมสหรัฐ”ที่ผลิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจะกลายมาเป็นคู่แข่งสำคัญยิ่งของหอมมะลิไทยในตลาดสำคัญๆ ทั่วโลกด้วย
พอวันจันทร์ที่ผ่านมานี้เอง ก็ได้ยินข่าวไม่สู่ดีที่จะมีผลกระทบต่ออนาคตข้าวหอมมะลิไทยซ้ำอีกเรื่องหนึ่ง จึงจำเป็นต้องเขียนถึง“ภัยคุกคาม”นี้อีกครั้ง เพื่อกระตุ้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เร่งศึกษาข้อมูลและวางแผนรับมือกันให้ดี...อย่าให้สายเกินไป
ข่าวที่ได้ยินมาเมื่อวันจันทร์เป็นการระบุของรศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผอ.ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่พูดในรายการวิทยุคลื่นหนึ่ง ทั้งยังเขียนเรื่องเดียวกันนี้ลงหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งด้วย ในหัวข้อว่า“ข้าวไทยจะสูญพันธุ์ในตลาดจีนจริงหรือ?”
ดร.อัทธ์ซึ่งได้รศ.จากผลงานวิชาการในการวิจัยเรื่อง“ข้าว”อย่างลึกซึ้ง พูดและเขียนเรื่องนี้ ด้วยเนื้อหาจากที่ร่วมคณะกับกระทรวงพาณิชย์ไปเก็บข้อมูลตลาดข้าวไทยที่เมืองเซี่ยงไฮ้, เมืองหางโจว และเมืองหนิงโปในมณฑลเจ้อเจียงตอนเหนือของจีน เพื่อดูปัญหาอุปสรรคและแสวงหาโอกาสของข้าวไทยในตลาดจีนเมื่อ 14-16 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสรุปได้ว่า ตลาดข้าวไทยในจีนตอนเหนือโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิกำลังย่ำแย่ลง และมีแนวโน้มจะลามไปถึงจีนตอนใต้ที่ตลาดข้าวไทยยังดีอยู่ด้วย
“ข้าวไทยในตลาดจีนจะสูญพันธุ์หรือไม่?”เป็นคำถามที่ท้าทายสำหรับประเทศไทยอย่างมาก หากเราไม่ปรับตัวอย่างเร่งรีบ มีโอกาสที่ส่วนแบ่งในตลาดจีนจะลดลงอย่างต่อเนื่องแน่นอน และเป็นศูนย์ในที่สุด...นี่คือ สิ่งที่ดร.อัทธ์เขียนไว้
ตลาดข้าวไทยในจีนที่เลวร้ายลง มีหลายสาเหตุ เช่น ระบบปกป้องข้าวในประเทศของจีนเอง ด้วยการให้โควตาและคุมเข้มข้าวที่นำเข้า แต่ประเด็นที่ดูหนักหนายิ่งก็คือ การที่คนจีนเริ่มคลายความนิยมต่อข้าวหอมมะลิไทย เนื่องจากระยะหลังๆมานี้ “หอมน้อยลง” หรือ “ไม่หอมเลย” ก็มี...เป็นปัญหาเรื่องคุณภาพ หรือการควบคุมมาตรฐานความหอมของข้าวไทยมีปัญหา
อีกประเด็นที่หนักหนายิ่งคือ การที่จีนสามารถพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ชื่อ “อู๋ ชาง (Wu Chang Rice)” ขึ้นตอบสนองรสนิยมคนจีนแทนข้าวหอมมะลิไทยได้เป็นอย่างดี โดยเป็นข้าวแบบ “4 ดี” คือ นิ่มดี, เหนียวดี, กลิ่นหอมดี และ มี GI ดี(Geographical Indications สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาอย่างหนึ่ง) คือเป็นข้าวที่ผลิตที่เมือง “อู๋ ชาง” ในมณฑลเฮย์หลงเจียง (เหมือนข้าวหอมมะลิไทยที่ได้ GI อย่างหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้หรือหอมมะลิสุรินทร์) นับเป็นความภาคภูมิใจของจีนด้วย
นอกจากคุณภาพสูงแล้ว ข้าว“อู๋ ชาง”ยังให้ผลผลิตสูงมากถึงไร่ละ 1.8 ตัน หรือ 1,800 กก. ที่น่าทึ้งคือ เพาะปลูกในพื้นที่มณฑลเฮย์หลงเจียงอันหนาวเหน็บและมีสภาพดินเค็มได้ ซึ่งข้าวอู๋ ชาง มีราคาใกล้เคียงหรือถูกกว่าหอมมะลิไทยที่ขายในจีน ทำให้กำลังเป็นที่นิยมแทนหอมมะลิไทยอย่างรวดเร็ว
น่าห่วงกว่านั้นคือ การขยายพื้นที่ปลูกข้าวพันธุ์นี้ รวมถึงจีนนำเอาเทคโนโลยีการผลิตข้าวพันธุ์นี้เข้าไปร่วมพัฒนาปลูกในประเทศต่างๆเช่นในกัมพูชา เพื่อส่งกลับไปขายจีนหรือส่งขายตลาดโลกด้วยดังนั้นในอนาคตนอกจากไทยอาจเสียตลาดข้าวหอมในจีนแล้ว ยังอาจโดนข้าวจีนแย่งตลาดอื่นๆ อีกด้วย
ทั้งสหรัฐและจีนล้วนเคยเป็นตลาดใหญ่สำคัญสุด ที่ไทยส่งออกข้าวหอมมะลิไปได้สูงมาก แต่ตอนนี้ไม่เพียงส่งไปได้น้อยลง ยังมีแนวโน้มในอนาคตที่ข้าวหอมจาก 2 ประเทศนี้ จะขึ้นมาเป็นคู่แข่งใหญ่ ที่บดบี้ข้าวหอมไทยในตลาดโลกอย่างหนัก
จึงถึงเวลาที่ต้องวางแผนรับมืออย่างจริงจัง ดังที่ดร.อัทธ์ระบุว่า ถึงขั้นต้องปฏิรูปหรือปฏิวัติระบบข้าวไทยเลยทีเดียว!
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี