วันนี้ (22 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกระแสออกมาต่อต้านและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะทางสังคมโลกโซเซียลกรณีที่กรมการขนส่งทางบกเสนอยกร่างกฎหมายใหม่อ้างเพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องพฤติกรรมคนไทยมากขึ้นและลดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะเรื่องใบขับขี่ หากขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ มีโทษปรับสูงสุดถึง 5 หมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกิน 3 เดือน จากเดิมโทษปรับสูงสุด 1 พันบาท จำคุกไม่เกิน 1 เดือน โดยส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นการเปิดช่องให้กรรโชกทรัพย์มากขึ้นหรือไม่?
โดยนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดังและเจ้าของเพจ "สายตรงกฎหมาย" ได้ออกมาระบุว่า เรื่องการเพิ่มโทษในทางทฤษฎีถือว่าเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้คนเกรงกลัวต่อกฎหมายและละเว้นการกระทำความผิด แต่ก็ใช่ว่าจะได้ผลเสมอไป มาดูการบังคับใช้กฎหมายจราจรในเมืองไทย การเพิ่มโทษจะทำให้คนกลัวการกระทำความผิดได้จริงหรือ ก่อนจะเพิ่มโทษเคยทำวิจัยหรือไม่ว่าการเพิ่มโทษช่วยลดการกระทำความผิดได้จริงหรือไม่ หรือช่วยลดอุบัติเหตุได้จริงหรือไม่ ลองไปดูด่านแอลกอฮอล์ มีจับได้กันทุกวัน หรือเอาง่ายๆ ลองไปถามคนใกล้ตัวว่ากลัวด่านกันแค่ไหน หรือแม้กระทั่งนายมีชัย ฤชุพันธ์ เองยังยอมรับว่าออกกฎหมายมาเยอะ แต่ใช้ไม่ได้จริงกฎหมายกับทางปฏิบัติมันสวนทางกัน คนไม่กลัวโทษ เพราะจริงๆ แล้ว มันจ่ายไม่เยอะ ค่าปรับมันหล่นหายไประหว่างทาง หากจะแก้กฎหมาย ก็ควรจะหาแนวทางในการบังคับใช้ด้วย
ต่อมา พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 คณะกรรมการแก้ไขปัญหาจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องการแก้กฎหมายจราจรกรณีไม่มีใบอนุญาตขับขี่จะถูกเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 5 หมื่นบาทและไม่พกใบขับขี่จะถูกปรับ 1 หมื่นบาทนั้นจำนวนเงินดังกล่าวเป็นเพียงอัตราโทษปรับสูงสุดที่ระบุไว้เท่านั้น แต่การไม่พกใบขับขี่การเปรียบเทียบปรับจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน และกรณีไม่มีใบขับขี่การเปรียบเทียบปรับจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลที่จะมีความเห็นสั่งปรับจำนวนเท่าไหร่ และกฎหมายดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช.
ส่วนการปรับแก้กฎหมายดังกล่าวเนื่องจากขณะนี้พบว่าสถิติประเทศไทยมีอุบัติเกิดขึ้นสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก จึงมีแนวคิดปรับแก้เพื่อลดปัญหาและเป็นไปตามสากล โดยเฉพาะการปรับแก้กฎหมายสำหรับผู้ขี่รถจักรยานยนต์ และจากนี้จะพิจารณาแบ่งรถจักรยานยนต์ออกเป็น 2 ประเภท คือ รถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ที่มีซีซีมาก หรือบิ๊กไบค์ โดยพิจารณาทบทวนการเพิ่มกฎเกณฑ์ผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตขี่รถบิ๊กไบค์ ทั้งอายุ ความสามารถในการควบคุมรถ และการอบรมเฉพาะทาง
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ยังกล่าวถึงการพิจารณาปรับแก้การขอทำใบอนุญาตขับขี่ ที่ต้องผ่านการตรวจจากแพทย์ว่าไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงที่ส่งผลต่อการควบคุมรถ รวมไปความสามารถของผู้ขับขี่ด้วย ส่วนผู้ขับขี่ที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้วรวมไปถึงใบขับขี่ตลอดชีพแล้วเกิดอาการป่วยขึ้นภายหลังจนส่งผลต่อการขับรถ หากตำรวจพบก็จะประสานไปยังกรมการขนส่งทางบกเพื่อพิจารณาระงับการใช้ใบขับขี่ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนรวม
นอกจากนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างพิจารณายกเลิกส่วนแบ่งค่าปรับให้กับตำรวจจราจร เพื่อป้องกันข้อครหาการกวดขันวินัยจราจรบนท้องถนน และยกตัวอย่างส่วนแบ่งค่าปรับจราจรที่ผ่านมาว่า หากปรับ 100 บาท เงินจำนวน 50 บาทจะถูกส่งเข้าการปกครองส่วนท้องถิ่น 2 บาท 50 สตางค์ เงินส่วนนี้จะเข้ากองทุนค่าใช้จ่าย และ 47 บาท 50 สตางค์ เงินส่วนนี้จะเป็นส่วนแบ่งให้ตำรวจจราจร ซึ่งการพิจารณายกเลิกเงินส่วนแบ่งนี้จะกระทบต่อขวัญกำลังใจตำรวจจรที่ปฎิบัติหน้าที่หรือไม่นั้นเห็นว่าหากมีการยกเลิกจริงทางสำนักงานตำรวจก็จะพิจารณาค่าตอบแทนอื่นๆ แทนได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี