ร้องผู้ว่าฯบุคคลอ้างป่าไม้มุกดาหาร ไล่ชาวบ้านประเคนที่นายทุนเหมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.มุกดาหาร ว่า เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร ชาวบ้านตำบลคำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร กว่า 100 คน ได้รวมตัวที่หน้าศาลางกลางจังหวัดมุกดาหาร เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมและทวงถามการคัดค้านการทำเหมืองแร่ หรือระเบิดหินของ บริษัทแห่งหนึ่ง โดยมีนายไส ชัยบัน อดีตกำนันตำบลคำป่าหลาย หมู่ที่ 6 เป็นแกนนำตัวแทนของชาวบ้าน โดยมีนายสุรเดช อัคราช ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหาร, ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มารับหนังสือร้องเรียน
นอกจากนี้ กลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย จ.มุกดาหาร ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เพื่อขอให้ตรวจสอบ พฤติกรรมเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ ที่ มห.1( คำป่าหลาย ) โดยระบุว่า กลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลายได้ติดตามโครงการเหมืองแร่หินทรายอุตสาหกรรม ในท้องที่ หมู่ 6 บ้านนาคำน้อย ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการขอประทานบัตรและจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น แต่ประชาชนในพื้นที่ถูกกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ ที่ มห.1 (คำป่าหลาย) ใช้คำสั่งคุกคามและพยายามจับกุมประชาชนที่อยู่ระหว่างเขตรอยต่อป่าสงวนแห่งชาติดงหมู แปลง 2 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบแนวเขตและพิสูจน์สิทธิ์การครอบครอง
ทั้งนี้ หนังสือร้องเรียน ระบุขอความเป็นธรรม รวม 2 เรื่อง คือ กรณีเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มห.1(คำป่าหลาย) ตรวจยึดพื้นที่ทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงหมูแปลง 2 แล้วปิดประกาศให้ประชาชนแสดงสิทธิ์คัดค้านในการที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตาม มาตรา 25 และการคัดค้านการทำเหมืองหินของบริษัท ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงหมูแปลง 2 ท้องที่ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เนื่องจากประชาชนจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะแหล่งน้ำซับที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน
ด้านนายสุรเดช กล่าวชี้แจงเบื้องต้นให้ประชาชนที่เข้ายื่นหนังสือทราบว่า การดำเนินการของหน่วยป้องกันฯ กรมป่าไม้ เป็นการดำเนินการตามคำสั่ง คสช. ที่ 64,66/2557 เพื่อนำป่าสงวนฯ ที่ถูกบุกรุกใหม่นำมาฟื้นฟูคืนความสมบูรณ์เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนโดยตรง ซึ่งป่าสงวนฯ เป็นสมบัติของประชาชนทั้งชาติดังนั้นทุกคนต้องร่วมกันดูแล อย่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ ส่วนผู้ยากไร้ที่รุกป่าฯก่อนปี 2557 ก็จะได้รับความคุ้มครอง ตามคำสั่ง คสช ที่ 66/2557 พร้อมนัดหมายประชาชนผู้มาร้องเรียนเข้าร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงพื้นที่ดังกล่าว
จากนั้น นายสุรเดช พร้อมด้วย นายฐิติกร เงาะปก ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้มุกดาหาร เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มห. 1(คำป่าหลาย)และราษฎรตำบลคำป่าหลาย ได้ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบแหล่งน้ำซับที่จะได้รับผลกระทบ หากมีการอนุญาตทำเหมืองหินให้กับบริษัท ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงหมูแปลง 2 จากการตรวจสอบพื้นที่พบบ่อน้ำซับจำนวน 3 จุด ซึ่งอยู่บริเวณรอบๆพื้นที่ขอรับอนุญาตทำเหมืองหินของบริษัท ห่างไม่เกิน 500 เมตร เป็นบ่อน้ำซับที่ใช้เป็นระบบประปาภูเขา ที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันทั้ง 3 ตำบล 2 อำเภอ ได้แก่ ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมือง , ตำบลชะโนดน้อย อำเภอดงหลวง และตำบลหนองบัว อำเภอดงหลวงจังหวัดมุกดาหาร
หลังจากนั้นได้แจ้งให้สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต. 10 อุดรธานีมาร่วมตรวจสอบและสรุปผลกระทบเพื่อรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและกรมป่าไม้ ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ลงพื้นที่เพื่อทำการประชาพิจารณ์อีกครั้งช่วงประมาณเดือนกันยายน 2561
นายไส กล่าวว่า พื้นที่ในการทำเหมืองแร่ดังกล่าวนั้นอยู่ในเขตพื้นที่ป่าชุมชน ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก หากมีการเข้าไปทำเหมืองแร่ระเบิดหิน ก็จะเกิดผลกระทบกับทรัพยากรป่าไม้ พร้อมทั้งบ่อน้ำซับที่ใช้เป็นระบบประปาภูเขา ที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันหลายหมู่บ้าน รวมถึงปัญหาฝุ่นละอองที่จะเกิดขึ้นจากการระเบิดหิน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีทั้งบ้านเรือน วัด และโรงเรียน อยู่ในรัศมีไม่กี่กิโลเมตร อีกทั้งเชื่อว่าการระเบิดหินทำเหมืองแร่ครั้งนี้ จะสร้างความสูญเสียต่อธรรมชาติสิ่งแวดล้อมชุมชนมากกว่าจะได้รับประโยชน์แก่ชุมชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี