เป็นไปตามโผที่มากับข่าวลือ ตำแหน่งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากอธิบดีกรมการข้าว อนันต์ สุวรรณรัตน์ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวง ในขณะที่เพื่อรุ่นราวคราวเดียวกัน KU 37 เกษียณอายุราชการในตำแหน่งอธิบดี และรองอธิบดีไปก่อนแล้วในปีนี้ คงต้องลุยงานของกระทรวงเกษตรฯ ไปคนเดียวอย่างเหงาๆ หน่อย แต่คนอัธยาศัยดีและประนีประนอมอย่าง ว่าที่ปลัดกระทรวงฯ อนันต์ สุวรรณรัตน์ คงมีภาคีพันธมิตรช่วยเหลือเกื้อกูลให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้
งานที่เกี่ยวกับข้าว คงไม่น่าหนักใจ เพราะอยู่กรมการข้าวมาเกือบ 4 ปี คงมีประสบการณ์ และมีแนวทางขับเคลื่อนให้เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ไม่ยากนัก เรื่องของยาง แม้จะจากสถาบันวิจัยยางและเรื่องราวของยางมานานแล้ว แต่ก็คงยังพอดึงประสบการณ์ และหาที่ปรึกษาเรื่องยางที่เจ๋งๆ ได้ไม่ยากนอีกทั้งรักษาการณ์ผู้ว่าการ กยท. เยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ ก็เคยทำงานด้วยกันมาก่อน คงคุยกันรู้เรื่อง ว่าแต่จะต้านอำนาจและอิทธิพลของใครบางกลุ่มได้หรือไม่...เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
งานสารเคมี เรื่องนี้น่าหนักใจ นอกจากท่านจะเสนอแนะท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กฤษฎา บุญราช เลือกใครมาเป็นอธิบดีกรมวิชาการเกษตรแล้ว ท่านอาจจะต้องดูลึกไปถึง ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตรด้วย อีกด้านหนึ่งท่านก็ต้องตั้งหลักให้ดี กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ ที่ตำหนิรัฐบาล และประกาศจะแบนสารเคมี 3 ชนิดให้ได้ด้วย เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่กวนใจว่าที่ปลัดกระทรวงเกษตรฯ มากกว่าเรื่องอื่น แต่ท่านเคยเป็นผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร และอธิบดีกรมวิชาการเกษตรมาก่อน คงแม่นในตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี
มีเรื่องที่ฟังเขาพูดต่อๆ กันมา บางเรื่องก็มีเกษตรกรเล่าให้ฟัง ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงขอฝากว่าที่ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ท่านใหม่ไว้พิจารณา 2-3 เรื่อง....
เรื่องแรกคือเรื่องของหม่อนไหม กรมที่ท่านเคยเป็นอธิบดีมาก่อน...เดี๋ยวนี้ชาวบ้านไม่ค่อยเลี้ยงไหม สาวไหมเองแล้ว เพราะเส้นไหมจากต่างประเทศมีราคาถูกกว่า แถมมีการลักลอบนำเข้ามายิ่งราคาถูกเข้าไปอีก ชาวบ้านจึงซื้อเส้นไหมมาทอผ้าเป็นส่วนใหญ่ ไม่ต้องเลี้ยงไหม สาวไหมเองให้เสียเวลา งานวิจัยด้านหม่อนไหมดูเงียบๆ ซบเซาไป นอกจากชาใบหม่อน น้ำมัลเบอรี่ เครื่องสำอางจากไหม ก็ยังไม่เห็นนวัตกรรมอะไรใหม่... หรือมีแต่กรมหม่อนไหมไม่ได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ก็ไม่ทราบ....
เรื่องต่อมา คือ การลักลอบนำพันธุ์ไม้ออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่แน่ๆ มีคนยืนยัน คือ พันธุ์ทุเรียน ลักลอบออกทางด้านตะวันออก แถวตราด สระแก้ว และตะวันตกแถว ระนอง ท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง ลักลอบออกทางจังหวัดทางภาคอีสาน
ชาวบ้านบอกว่า ต้นพันธุ์ทุเรียนลักลอบนำออก เป็นแสนๆ ต้น อีกไม่เกิน 5 ปี เพื่อนบ้านเราคงมีทุเรียนหมอนทองมาแข่งตลาดกับทุเรียนไทย... ส่วนท่อนพันธุ์มันสำปะหลังนั้น ทางประเทศเพื่อนบ้านต้องการมาก เพราะมันสำปะหลังในบ้านเขาถูกศัตรูพืชทำลายหมดไม่เหลือไว้ทำพันธุ์ปลูกต่อ เรื่องนี้นอกจากดูแลเรื่องลักลอบนำท่อนพันธุ์ออกไปแล้ว ยังต้องเฝ้าระวังศัตรูพืชที่จะระบาดเข้ามาในบ้านเราด้วย
เรื่องกล้วยไม้....กล้วยไม้เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญที่ทำรายได้ให้ประเทศปีละไม่น้อย ทั้งกล้วยไม้ตัดดอก และกล้วยไม้ต้น แต่การพัฒนาของวงการกล้วยไม้เกิดจากภาคเอกชนเป็นส่วนใหญ่ ทั้งการปรับปรุงพันธุ์ และการตลาด ทางราชการ โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯ มีบทบาทน้อยมาก แม้ครั้งหนึ่งเคยกำหนดให้กล้วยไม้เป็นสินค้า Product Champion แต่ปัจจุบันดูเหมือนจะไม่ไยดี ภาคเอกชนช่วยเหลือตนเองเป็นส่วนใหญ่ แม้จะมีกระทรวงพาณิชย์มาช่วยด้านการตลาดอยู่บ้าง แต่ทางด้านการพัฒนาวิชาการหากปล่อยให้ภาคเอกชนทำแต่ฝ่ายเดียว อนาคตอันใกล้อาจจะสู้สิงคโปร์ ไต้หวัน และจีนไม่ได้ และอาจจะสูญเสียตลาดให้กับประเทศเหล่านี้ไป ทางราชการน่าจะเข้ามาดูแลทั้งด้านวิชาการและการตลาดให้มากกว่านี้
วันนี้ยินดีกับว่าที่ปลัดกระทรวงเกษตรฯ อนันต์ สุวรรณรัตน์ ด้วยเรื่องเบาๆ เพียงเท่านี้ก่อน 2 ปีที่ยังเหลืออยู่ท่านคงทำอะไรได้ไม่มากนัก แต่ถ้าท่านเริ่มต้นไว้ก็จะมีคนมาสานต่อได้ เว้นเสียแต่ว่าหลังเลือกตั้ง บรรยากาศทางการเมืองกลับมามีอิทธิพลต่อการบริหารราชการเหมือนเมื่อ 4 ปีก่อนหน้านี้ก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน....
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี