สทนช.เตือน6จว.ริมโขง
รับมืออุทกภัย
หลังฝนถล่มทั้งสัปดาห์
บวกกับลาวเร่งระบายน้ำ
นครพนมอีก3วันท่วมซ้ำ
เตรียมตัวขนของขึ้นที่สูง
‘เจ้าพระยา’พร่องน้ำเพิ่ม
สทนช.ประกาศเตือน 6 จังหวัดแนวแม่น้ำโขง รับน้ำเข้าท่วมหนักเกิน 50-100 ซม. หลังฝนถล่มในช่วง 7 วันที่ผ่านมา รวมทั้ง สปป.ลาว เร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงเพิ่มขึ้น “เขื่อนเจ้าพระยา” เร่งพร่องน้ำแตะ 800 ลบ.ม.ต่อวินาที “นครพนม”เตือนภัย อีก 3 วันท่วมแน่ ขณะที่ ปภ.ระบุยังมี 8 จังหวัดประสบภัยน้ำท่วม
เมื่อวันที่ 1 กันยายน กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “เบบินคา” และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม–1 กันยายน 2561 ทำให้เกิดสถานการณ์ภัยใน 18 จังหวัด สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 10 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 8 จังหวัด ได้แก่ นครพนม บึงกาฬ สกลนคร เพชรบุรี นครนายก ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ และอุบลราชธานี
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลของพายุโซนร้อน “เบบินคา” และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม–1 กันยายน 2561 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินถล่มในพื้นที่ 18 จังหวัด ได้แก่ น่าน เชียงราย ลำปาง พะเยา เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน หนองคาย นครพนม บึงกาฬ เพชรบุรี สกลนคร ลพบุรี นครนายก ชัยภูมิ เพชรบุรี พิจิตร กาฬสินธุ์ และอุบลราชธานี รวม 93 อำเภอ 408 ตำบล 2,318 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 55,353 ครัวเรือน 162,711 คน ผู้เสียชีวิต 4 ราย สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 10 จังหวัด ได้แก่ น่าน ลำปาง พะเยา เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ หนองคาย เชียงราย ลพบุรี และพิจิตร ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 8 จังหวัด รวม 34 อำเภอ 164 ตำบล 1,135 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,773 ครัวเรือน 78,334 คน
ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว ท้ายนี้หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) ใฐานะ ผอ.ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ ออกประกาศศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติฉบับที่ 9/2561เรื่อง สถานการณ์น้ำแม่น้ำโขง ระบุว่า ด้วยช่วง 7 วันที่ผ่านมา มีฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยและตกหนักในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ประกอบกับเขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ใน สปป.ลาว ได้เร่งระบายน้ำปริมาณมากลงสู่แม่น้ำโขง ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ จ.หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร และอุบลราชธานี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า ในช่วง 7 วัน ต่อจากนี้ ระดับน้ำแม่น้ำโขงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมอยู่ในเกณฑ์ 50–100 เซนติเมตร และจะทำให้มีระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งบางแห่ง ตั้งแต่ อ.เมือง โพนพิสัย และรัตนวาปี จ.หนองคาย, อ.ปากคาด เมือง บุ่งคล้า บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ, อ.บ้านแพง ท่าอุเทน เมืองธาตุพนม จ.นครพนม, อ.หว้านใหญ่ เมือง และดอนตาล จ.มุกดาหาร, อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ และ อ.เขมราฐ นาตาล โพธิ์ไทร ศรีเมืองใหม่ และโขงเจียม จ.อุบลราชธานี
ดังนั้น จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวัง ติดตาม และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง พร้อมทั้งเตรียมแผนเผชิญเหตุที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ให้รับทราบต่อไป
ส่วนสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาล่าสุด ได้มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำขึ้นไปอยู่ที่ 800 ลูกบาศก์เมตรตามแผน เนื่องจากมีปริมาณน้ำที่ไหลจากภาคเหนือลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจุดวัดน้ำหน้าค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์วัดได้ 1,163 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่ระดับน้ำเหนือเขื่อนวัดได้ 16.79 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งจากการเพิ่มการระบายน้ำส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้น10เซนติเมตร วัดได้ 10.39 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนตั้งแต่ อ.สรรพยา ลงไป จ.สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยามีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 5-10 เซนติเมตร จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่พื้นที่ริมตลิ่งทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ยกของขึ้นไว้ในที่ปลอดภัย ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ และประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป
สำหรับระดับน้ำในแม่น้ำโขงพื้นที่ จ.นครพนม สถานีหลวงพระบาง สปป.ลาว ปรากฎว่า ระดับน้ำโขงพุ่งพรวดถึง 1.50 เมตร ทำให้สถานีตรวจวัดจังหวัดหนองคาย มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น 99 เซนติเมตร เพิ่มขึ้นเกือบ 1 เมตร ทาง จ.นครพนมจึงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ฝน และการระบายน้ำจากเขื่อนของประเทศเพื่อนบ้าน ที่จะมีผลต่อการเพิ่มระดับน้ำในลำน้ำโขง คาดว่าอีกประมาณ 3 วัน มวลน้ำจะไหลมาถึงนครพนม นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผวจ.ฯ สั่งประตูระบายน้ำให้เครื่องผลักดันน้ำ เร่งพร่องน้ำออกจากอ่างเป็นการด่วน เพื่อเตรียมรอรับน้ำที่จะไหลเข้ามาสมทบอีกระลอก
นายสินสมุทร หินเธาว์ หัวหน้าฝ่ายช่างกล รักษาการ ผอ.โครงการชลประทานนครพนม มีหนังสือที่ กษ 0316.10/508 ลงวันที่ 1 กันยายน 2561 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และผู้เกี่ยวข้องทุกหน่วย อ้างถึงการคาดการณ์น้ำของแม่น้ำโขงจากเว็บไซต์ http://www.mrcmekong.org/ โดยคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง บริเวณ จ.นครพนม จะสูงถึง 12.93 เมตร ในวันที่ 4 กันยายนนี้ จึงขอแจ้งให้ประชาชนที่พักอาศัยในพื้นที่ริมตลิ่ง และพื้นที่ลุ่มของแม่น้ำโขง เขต อ.บ้านแพง,ท่าอุเทน,อำเภอเมืองฯ และธาตุพนม เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน ที่จะไหลบ่าเข้าท่วมในพื้นที่
ต่อมาโครงการชลประทานฯได้รายงานระดับน้ำในแม่น้ำโขงของสถานีตรวจวัดชุมชนหนองแสง เขตเทศบาลเมืองนครพนม เวลา 12.00 น. อยู่ที่ระดับ 12.68 เมตร โดยลดลง 2 ซม. จากช่วงเวลา 09.00 น.
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า เขื่อนน้ำงึม 1 ประเทศลาว มีการระบายน้ำเพิ่มมาอีก ตั้งแต่บ่าย 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ปริมาณน้ำดังกล่าวจะไหลมาสมทบน้ำจากเขื่อนน้ำงึม 5 และเขื่อนน้ำงึม 2 ระบายลงแม่น้ำโขงเป็นจำนวนมาก โดย จ.บึงกาฬจะได้รับผลกระทบ ก่อนที่จะไหลมาที่ จ.นครพนมต่อไป
ส่วนที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคกไผ่ ต.ปากชม อ.ปากชม จ.เลย ร้านค้าชุมชนยังจมน้ำโขงกว่า 6 หลัง หลังระดับน้ำโขงเพิ่มขึ้น คืนเดียว ขึ้นเร็ว สูง 1.24 เมตร ขณะที่ศูนย์สำรวจอุทกวิทยาที่ 8 เชียงคาน จุดวัดระดับน้ำล่าสุด เวลา 06.00 น. ระดับน้ำอยู่ที่ 13.96 เมตร โดยตอนนี้ ระดับน้ำได้ทรงตัวแล้ว ซึ่งสถิติ เวลา 07.00 น. วันที่ 30 สิงหาคม ระดับน้ำอยู่ที่ 12.43 เมตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี