จากกรณีเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ในสาธารณประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) แตก สร้างความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นมูลค่ามหาศาล ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า เขื่อนในประเทศไทยจะแตกหรือไม่? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2561 เขื่อนหลายแห่งปริมาณน้ำเกินความจุในระดับกักเก็บ ล้นทางระบายน้ำล้น(Spillway) โดยเฉพาะเขื่อนขนาดใหญ่ เช่น เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เป็นต้น และเขื่อนอีกหลายแห่งมีปริมาณน้ำสูงเกินมาตรฐานกำหนด(Rule Curve) ยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลว่า เขื่อนไทยจะเหมือนเขื่อนของ สปป.ลาวหรือไม่?
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า เขื่อนและอ่างเก็บน้ำที่อยู่ในการดูแลของกรมชลประทานทุกแห่งถูกออกแบบตามหลักวิชาการ สอดคลองกับภูมิประเทศ และสามารถรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้สูงถึง 7 ตามมาตราริกเตอร์ นอกจากนี้ยังได้ทําการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอตลอดทั้งปีแม้ในยามปกติที่ไม่มีภัยพิบัติใดๆ
อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนมากขึ้น ยังได้สั่งการให้ดำเนินการตรวจสภาพความมั่นคง และสภาพน้ำของเขื่อนทุกเขื่อน ทั้งที่สร้างเสร็จแล้วและกำลังก่อสร้างเป็นกรณีพิเศษ พร้อมทั้งให้จัดเวรยามประจำทุกเขื่อนเฝ้าระวังเหตุการณ์ตลอดเวลา จัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ที่ต้องใช้เกี่ยวกับเขื่อนไว้ให้พร้อมใช้งานได้ทันที การติดต่อสื่อสารไปยังเขื่อนและเจ้าหน้าที่ประจำเขื่อนต้องทำได้มากกว่า 1 ช่องทางอีกด้วย
เขื่อนของไทยไม่ใช่จะมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยเท่านั้น แต่ “เขื่อน” ยังช่วยไม่ให้เกิดวิกฤติน้ำท่วมที่รุนแรงได้อีกด้วย เช่น กรณีฝนตกหนักในลุ่มน้ำเพชรบุรี เขื่อนแก่งกระจาน และเขื่อนเพชรบุรี ช่วยให้ชาวเพชรบุรีพ้นจากภัยน้ำท่วมได้
นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ช่วงก่อนฤดูฝน กรมชลประทานได้เตรียมการพร่องน้ำในเขื่อนแก่งกระจานให้เหลือประมาณ 296 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือร้อยละ 42 ของความจุในระดับกักเก็บคือ 710 ล้านลบ.ม. ต่อมาเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2561 เกิดฝนตกหนัก ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนฯถึง 160 ล้าน ลบ.ม. ภายในหนึ่งคืน ซึ่งมากกว่าแม่น้ำเพชรบุรีจะรับได้ราว 10 เท่า
“ถ้าหากไม่มีเขื่อนแก่งกระจาน ปริมาณน้ำมหาศาลกว่า 160 ล้านลบ.ม จะไหลบ่า ท่วมอ.แก่งกระจาน อ.ท่ายาง อ.บ้านลาด อ.เมือง และ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพยสินจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน” นายทวีศักดิ์กล่าว
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำที่เขื่อนขุนด่านปราการชลว่า จากการรายงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) กรมชลประทาน และ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า เขื่อนขุนด่านปราการชล ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สามารถเก็บกับปริมาณน้ำส่วนใหญ่ที่เกิดจากฝนที่ตกหนักภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในช่วงวันที่ 13 สิงหาคม 2561 ทำให้ลดความรุนแรง และความเสียหายที่เกิดจากน้ำป่าไหลหลากในครั้งนี้ได้
“หากไม่มีเขื่อนขุนด่านปราการชล อันเนื่องมาจากพระราชดำริปริมาณน้ำกว่า 20 ล้านลบ.ม. จะไหลลงสู่คลอง ท่าด่านมาสมทบกับปริมาณน้ำจากคลองวังตะไคร้ คลองมะเดื่อ คลองนางรอง และคลองสาริกา สถานการณ์น้ำป่าจะรุนแรง สร้างความเสียหายมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน”รองนายกรัฐมนตรีกล่าว
ที่เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร ก็เช่นเดียวกัน ก่อนที่น้ำจะเต็มเขื่อน วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 431 ล้าน ลบ.ม. เพียงแค่ 5 วัน นำไหลเข้าเขื่อนรวมกันถึง 112 ล้านลบ.ม. น้ำเต็มเขื่อนในวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 จากนั้นก็ล้นSpillway เรื่อยมา โดยมีปริมาณน้ำสูงสุดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 อยู่ที่ 536 ล้าน ลบ.ม. ร้อยละ 103 หากไม่มีเขื่อนน้ำอูน ปริมาณน้ำกว่า 112 ล้านลบ.ม. จะไหลลงท่วมพื้นที่จ.สกลนคร รวมไปถึงบริเวณลุ่มน้ำสงครามจ.นครพนม สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างอย่างแน่นอน
เขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ก็เช่นเดียวกัน ลุ่มน้ำแม่กลอง ซึ่งมีเขืื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี ในช่วงเดือนสิงหาคม 2561 จนถึงปัจจุบัน ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนทั้ง 2 แห่ง รวมกันเฉลี่ยไม่น้อยวันละ 160 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งหากไม่มีเขื่อนแล้วแค่ครึ่งเดือนจะมีปริมาณน้ำไหลลงสู่ลุ่มน้ำแม่กลองกว่า 2,400 ล้านลบ.ม. เพียงพอที่จะทำให้ลุ่มน้ำแม่กลองซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมตั้งแต่ จ.กาญจนบุรี จ.สุพรรณบุรี จ.ราชบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรสงคราม และจ.สมุทรสาคร จมบาดาล
เขื่อนไทย นอกจากจะมีความมั่นคง แข็งแรงแล้ว ยังสร้างประโยชน์อย่างมหาศาล ป้องกันไม่ให้วิกฤติน้ำท่วมเกิดขึ้นในปีนี้ได้...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี