"ไอ้ต๊ะ"ผู้ต้องหาที่ขับรถให้ลูกอดีต สท.บุกกระหน่ำยิงพ่อแม่ และน้าชายคู่อริ ขณะนั่งกินข้าวในบ้าน เสียชีวิต 1 เจ็บ 1 เข้ามอบตัวแล้ว แต่ปฏิเสธไม่รู้เห็นกับการก่อเหตุ ตำรวจคุมตัวทำแผน ส่วนลูกอดีต สท.มือยิงยังหลบหนี ตร.กระจายกำลังไล่ล่า ด้านพี่เขยผู้เสียชีวิตเผยนาทีรอดตาย มั่นใจปมยิงถล่มเกิดจากปัญหาทะเลาะวิวาทของลูกชาย เชื่อคนร้ายหวังฆ่ายกครัว
12 ก.ย.61 พ.ต.ท.สิทธิชัย สุนารักษ์ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สภ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบ ได้นำตัว นายต๊ะ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุกระหน่ำยิงชาวบ้านในบ้านเลขที่ 20 ม.12 ต.สระแก้ว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น.วันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะกำลังนั่งล้อมวงกินข้าวเย็น ทำให้กระสุนถูก นางสมหมาย พุทธา อายุ 64 ปี เจ้าของบ้าน บาดเจ็บ และนายคำจันทร์ แก้วพรม อายุ 46 ปี เสียชีวิต ส่วน นายทองคำ พุทธา อายุ 59 ปี สามีของนางสมหมาย กระโดดหนีออกทางหน้าต่างได้ทัน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากบิดาได้พานายต๊ะ เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน เมื่อช่วงบ่ายวันนี้
โดยเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายต๊ะไปทำแผน 2 จุด คือ บ้านที่เกิดเหตุ และอู่ซ่อมรถ ซึ่งการทำแผนทั้ง 2 จุด ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายแต่อย่างใด เนื่องจากขณะทำแผนญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านได้ไปร่วมพิธีฌาปนกิจศพของนายคำจันทร์ ที่ถูกยิงเสียชีวิต ที่วัดหนองหงส์ จึงไม่มีใครอยู่บ้าน หลังทำแผนเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวนายต๊ะ ส่งให้พนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำตามขั้นตอน
จากการสอบปากคำเบื้องต้น นายต๊ะ ยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุ แต่ยอมรับว่าได้ไปหานายนุ ลูกชายอดีต สท.ผู้ต้องหาอีกรายที่อู่ซ่อมรถจริง จากนั้นนายนุ ก็ชักชวนให้ขับรถพาไปดูบ้านของนายดำมี่ ซึ่งเป็นคู่อริที่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน โดยบอกเพียงว่า อยากจะเห็นบ้านว่าอยู่ตรงไหน จึงขับรถไปวนดูแต่พอขับไปถึงหน้าบ้าน ไม่คาดคิดว่านายนุ จะลงไปก่อเหตุยิงคนในบ้าน หลังก่อเหตุก็แยกย้ายกันหลบหนี โดยอ้างว่าที่หลบหนีเพราะตกใจ กระทั่งคิดได้จึงโทรศัพท์มาหาพ่อให้พาเข้ามอบตัว ทั้งต้องการมาแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับนายนุ ในการก่อเหตุครั้งนี้
ส่วนนายนุ ลูกชายอดีต สท.ที่ยังหลบหนี ขณะนี้ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามอบตัวแต่อย่างใด คาดว่าน่าจะหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้ว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบ สภ.หนองหงส์ ชุดสืบตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และชุดสืบสวนภาค 3 ก็กำลังออกติดตามไล่ล่าคนร้าย เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนบรรยากาศงานพิธีฌาปนกิจศพของนายคำจันทร์ ที่ถูกยิงเสียชีวิต เป็นไปด้วยความโศกเศร้า ชาวบ้านที่มาร่วมงานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุสะเทือนขวัญแบบนี้ขึ้นในหมู่บ้าน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงในลักษณะนี้มาก่อนเลย
ด้าน นายทองคำ พุทธา สามีของนางสมหมาย ที่ถูกยิงบาดเจ็บ และเป็นพี่เขยของนายคำจันทร์ ที่ถูกยิงเสียชีวิต ได้เล่าถึงนาทีที่เกิดเหตุว่า ช่วงเวลาประมาณ 19.30 น.ขณะกำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นอยู่กับภรรยา และน้องเขย อยู่ๆ ก็มีคนร้ายเป็นชายเดินเข้ามาไม่พูดอะไร แล้วใช้ปืนกระหน่ำยิงใส่น้องเขย ภรรยา แต่โชคดีที่ตนเองกระโดดหนีออกทางหน้าต่างได้ทัน ไม่งั้นก็อาจจะไม่รอดเหมือนกัน ส่วนชนวนเหตุที่คนร้ายบุกเข้ามายิงถึงในบ้านอย่างอุกอาจในครั้งนี้ ก็มั่นใจว่ามาจากสาเหตุที่ลูกชายของตนเองไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นอย่างแน่นอน ไม่มีสาเหตุอื่น เพราะตนเองกับภรรยาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร
ทั้งนี้ วันเกิดเหตุลูกชายตนเองไม่ได้อยู่บ้าน แต่น้องเขยมานั่งกินข้าวด้วยพอดี จึงคิดว่าคนร้ายอาจจะเข้าใจผิดว่าน้องเขย เป็นลูกชายของตนเอง จึงคิดว่าจะมาฆ่าทั้งครอบครัวเพื่อเป็นการล้างแค้น จนทำให้น้องเขยต้องมาถูกยิงเสียชีวิตทั้งที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร ซึ่งตนมองว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจ และสร้างความหวาดผวาให้กับครอบครัวจนไม่กล้ากลับไปนอนที่บ้าน เพราะยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็อยากฝากถึงผู้กระทำว่า ครอบครัวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับปัญหาที่ลูกชายก่อขึ้น หากลูกตนเองทำผิดก็น่าจะไปแจ้งความเอาผิดกับลูกชาย ไม่ใช่จะมาก่อเหตุฆ่าล้างแค้นกันแบบนี้ ก็อยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี