จี้ชาวนาพื้นที่ลุ่ม
เร่งเก็บเกี่ยวข้าว
รับมือหาง2พายุ
แก้มลิงพร้อมแล้ว
รัฐบาลฟิลิปปินส์ เร่งอพยพปชช.บนเกาะลูซอน รับมือซูเปอร์ไต้ฝุ่น“มังคุด” ทวีความรุนแรงเทียบเท่าเฮอริเคนระดับ 5 ความเร็วลมสูงสุด325 กม. ต่อชม.จ่อขึ้นฝั่งสุดสัปดาห์นี้ “กฤษฎา” รับมือ 2 พายุ “บารีจัต-มังคุด” สั่งกรมชลพร่องน้ำเขื่อน ประสานเร่งชาวนาเกี่ยวข้าว เล็ง 13 ทุ่งแก้มลิง ลุ่มเจ้าพระยารับน้ำ
เมื่อวันที่ 13 กันยายน ทางสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ รายงานว่าสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของฟิลิปปินส์รายงานว่าไต้ฝุ่นมังคุดซึ่งมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางอยู่ที่ 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และความเร็วลมกระโชกสูงสุด 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่าเฮอริเคนระดับ 5ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามมาตรวัดพายุซัฟเฟอร์-ซิมป์สัน ยังคงก่อตัวสะสมพลังอยู่ในบริเวณห่างไกลของมหาสมุทรแปซิฟิกแต่มีทิศทางมุ่งหน้าตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่าจะขึ้นฝั่งที่จังหวัดคากายัน ซึ่งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะลูซอน ภายใน วันเสาร์ที่ 15 ก.ย. นี้ตามเวลาท้องถิ่น
สั่งอพยพ43ล้านหนีซูปเปอร์ไต้ฝุ่น
ทั้งนี้ สำนักงานกาชาดฟิลิปปินส์ ได้ประเมินว่าไต้ฝุ่นมังคุดน่าจะเป็นพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกมีความรุนแรงที่สุดในปีนี้ เมื่อคาดการณ์เส้นทางผ่านของพายุคาดว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนประมาณ 43ล้านคนบนเกาะลูซอน รวมถึงกรุงมะนิลาด้วยโดยเบื้องต้นรัฐบาลได้สั่งอพยพประชาชนตามพื้นที่ราบลุ่มและตามแนวชายฝั่งแล้วหลายหมื่นคน
อนึ่ง ฟิลิปปินส์ถือเป็นประเทศที่เผชิญกับอิทธิพลไต้ฝุ่นเฉลี่ยประมาณปีละ 20 ลูก โดยไต้ฝุ่น “ยางิ” เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งไปเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่ไต้ฝุ่น “ไห่เหยี่ยน” ถือเป็นพายุที่ความรุนแรงที่สุดซึ่งเคยถล่มฟิลิปปินส์ โดยซูเปอร์ไต้ฝุ่นลูกนี้ขึ้นฝั่งทางตอนกลางของฟิลิปปินส์ด้วยความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเดือนพ.ย. 2556 คร่าชีวิตประชาชนประมาณ 7,000คน
อุตุเตือนรับหาง2พายุถล่มไทย
ในประเทศไทย กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 9ว่า พายุโซนร้อน “บารีจัต” (BARIJAT) บริเวณด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะไหหลำ ประเทศจีน หรือมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 20.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 110.2 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังจะเคลื่อนผ่านตอนบนของเกาะไหหลำ ประเทศจีน คาดว่า จะเคลื่อนขึ้นสู่ฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในวันนี้ (13 ก.ย. 61) แล้วจะอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก
อนึ่งพายุไต้ฝุ่น“มังคุด”(MANGKHUT)บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกมีแนวโน้มการเคลื่อนผ่านเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ และตอนใต้ของเกาะไต้หวัน หลังจากนั้นจะเคลื่อนลงทะเลจีนใต้ตอนบน และผ่านเกาะฮ่องกง โดยจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ ในช่วงวันที่ 16-18 กันยายน ตามลำดับจะส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัด ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้บริเวณพื้นที่รับลมมรสุมด้านตะวันตกของภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกอย่างต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนบริเวณภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนเพิ่ม มากขึ้นและมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ในช่วงวันที่ 17-19 กันยายน ขอให้ประชาชนะวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่ม
กฤษฎาสั่งเร่งพร่องน้ำรอรับพายุ
ด้านนายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าได้สั่งการกรมชลประทาน เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในช่วง 2 สัปดาห์นี้ที่ประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลจากพายุ2ลูกบารีกัตต์ -มังคุดโดยประสานกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด พร้อมกับร่วมบูรณาการกับท้องถิ่นเตรียมพร้อมมาตรการช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรทันท่วงที และมอบหมายให้ นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรฯลงดูพื้นที่สำคัญจุดเสี่ยง อาจวิกฤติที่ต้องเร่งบริหารจัดการน้ำผลักดันออกทะเล เพื่อลดผลกระทบประชาชนให้น้อยที่สุด ต้องเร่งระบายออกสู่อ่าวไทยให้มากขึ้นเพื่อเตรียมพื้นที่รองรับฝนตก
คาดว่าปริมาณฝนจะตกมากขึ้นใน 2 สัปดาห์นี้จึงให้กรมชลประทานเร่งพร่องน้ำเขื่อนต่างๆที่มีน้ำเกินร้อยละ80สิ่งสำคัญการพร่องน้ำจากเขื่อน จะต้องระวังไม่กระทบพื้นที่ชุมชนและเกษตรที่ยังไม่เก็บเกี่ยวด้วย ล่าสุดสถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ และลุ่มน้ำหลักยังรับน้ำได้อีกร้อยละ 20 -30
เล็ง 13 ทุ่งแก้มลิงลุ่มเจ้าพระยา
รมว.เกษตรฯกล่าวว่าช่วงกลางเดือนนี้ ได้เตรียมพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่งตอนบนและตอนล่างลุ่มเจ้าพระยา เป็นแก้มลิง1.5 ล้านไร่ จะรับน้ำหลากได้ 2 พันล้านลบ.ม.พักน้ำในพื้นที่นาหลังเก็บเกี่ยว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกและสุโขทัย ทำความเข้าใจเกษตรกรล่วงหน้า ปลูกข้าวเหลื่อมเวลาและเก็บเกี่ยวไปแล้วสำหรับทุ่งบางระกำ พื้นที่ 3.82 แสนไร่ สามารถนำน้ำเข้าไปไว้ได้ หากมีน้ำมากในลุ่มน้ำยม-น่าน ต่อจากนั้นพื้นที่รับน้ำหลากลงพื้นที่ลุ่มตอนล่าง จ.นครสวรรค์
และประสานผู้ว่าราชการในพื้นที่12ทุ่งในจ.ชัยนาท สุพรรณบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี เป็นพื้นที่แก้มลิง 1.2 ล้านไร่ มีทุ่งเชียงราก ทุ่งท่าวุ้ง ทุ่งฝั่งซ้ายคลองชัยนาท-ป่าสัก ทุ่งบางกุม ทุ่งบางกุ้ง ทุ่งโครงการพระยาบรรลือ ทุ่งโครงการฯรังสิตใต้ ทุ่งบางบาล-บ้านแพน ทุ่งป่าโมก ทุ่งผักไห่ ทุ่งเจ้าเจ็ด ทุ่งโพธิ์พระยา โดยได้รับการยืนยันจากผู้ว่าฯ จะเก็บเกี่ยวได้เสร็จทั้งหมดภายในวันที่ 14-15 ก.ย พอดีกับปริมาน้ำเหนือหลากมาลุ่มเจ้าพระยา จะมีแก้มลิงที่เตรียมไว้ล่วงหน้ารับน้ำเหนือ
เร่งพร่อง2เขื่อนใหญ่เมืองกาญจน์
นายไววิทย์ แสงพานิชย์ ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ (อขว.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในเขื่อน 8,352 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อย 94มากกว่าเกณฑ์ควบคุมซึ่งอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณยังสามารถรับน้ำได้อีก 497ล้าน ลบ.ม.และได้มีการระบายน้ำออกตามแผนการระบายน้ำ 57.78 ล้านลบ.ม.
ส่วนเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรีได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนท่าทุ่งนา ในวันที่ 14กันยายน จะปรับเพิ่มระบายน้ำจาก 28 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน เป็น32ล้านลบ.ม.ต่อวัน ไปจนถึง 30กันยายน ถือเป็นการระบายน้ำในปริมาณที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เขื่อนฯ เปิดใช้งานมาในรอบ 37 ปีเพื่อเตรียมรับปริมาณน้ำที่จะเข้ามาตามฤดูฝนในอีก 1-2 เดือน คาดลุ่มน้ำแควใหญ่สูงขึ้นอีก 30-40ซม.
จังหวัดกาญจนบุรีได้แจ้งเตือนผู้ประกอบการและประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำในเขตอำเภอเมือง อำเภอท่าม่วง และอำเภอท่ามะกา ให้เฝ้าระวังปริมาณน้ำริมตลิ่งในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบให้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
เลยน้ำป่าไหลท่วมขนของหนีวุ่น
จ.เลย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดฝนตกหนักตลอดทั้งคืน ช่วงดึกของคืนที่12 ก.ย.ที่หมู่บ้านโพนทอง ต.เชียงกลม อ.ปากชม จ.เลย ได้เกิดน้ำป่าไหลลงห้วยเชียงกลม และ ลำห้วยห้วยไผ ไหลเข้าทะลักเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนประชาชนชาวบ้านต้องช่วยกันขนของขึ้นที่สูงหนีน้ำป่ากันอย่างโกลาหล เบื้องต้น ส.อ.เชษฐา ชาวประเสริญ นายอำเภอปากชม ได้รายงานว่ามีบ้านเรือนที่น้ำเข้าบ้านและเสียหายมีจำนวน 2 หลัง เบื้องต้นได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ปกครอง ผู้ใหญ่บ้าน อบต.เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อจะเข้าช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี