ยังไม่สิ้นฤทธิ์
‘มังคุด’พาฝนถล่ม49จว.
เฝ้าระวังถึง19กย.
เหนือ-อีสานอ่วม
สทนช.-อุตุฯ เตือนไต้ฝุ่น “มังคุด”ยังไม่สิ้นฤทธิ์ พาฝนถล่มไทย เหนือ-อีสานยาวถึง 19 กันยายน เฝ้าระวัง49 จังหวัดน้ำท่วม ดินถล่ม โดยเฉพาะอีสานปริมาณเกินร้อยม.ม.
นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ แถลงถึงภาพรวมสถานการณ์น้ำภาพของประเทศประจำวันที่ 14 กันยายนว่า ประเทศไทยยังมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก โดยพายุดีเปรสชันบารีจัตสลายตัวแล้ว ยังเหลือไต้ฝุ่นมังคุดที่เคลื่อนตัวเข้าจีนตอนใต้ ก่อนอ่อนกำลังลงตามลำดับ และจะสลายตัวบริเวณประเทศจีนตอนใต้ หรือเวียดนามตอนบนต่อไป
มังคุดยังแผลงฤทธิ์ยาวถึง19กย.
สำหรับผลกระทบกับประเทศไทยนั้น นายสำเริงกล่าวว่า ทางตรงคาดว่าไต้ฝุ่นมังคุดจะทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นภาคเหนือและอีสานตอนบน และมีฝนหนักบางพื้นที่วันที่ 17 -18 กันยายน พายุลูกนี้จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้แรงขึ้น ทำให้พื้นที่รับลมมรสุมด้านตะวันตกของภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักเกิดขึ้นช่วงวันที่ 17-19 กันยายน ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่ม
เฝ้าระวัง49จว.ฝนถล่ม-สูงสุดอีสาน
ทั้งนี้ ศูนย์เฉพาะกิจฯยังต้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ฝนใกล้ชิด ในพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักถึงหนักมาก 49 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร นครปฐม สมุทรสาคร นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง โดยมีปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมง มีฝนตกหนักถึงหนักมากสูงสุดที่ จ.อุบลราชธานี 202 มิลลิเมตร (มม.) จ.ศรีสะเกษ 115 มม. ปราจีนบุรี 95 มม. อุดรธานี 94 มม.กำแพงเพชร 91 มม. ลำพูน 70มม. กรุงเทพมหานคร 60 มม.
อุตุฯเตือนมังคุด’หอบฝนถล่มไทย
วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนพายุ “มังคุด” (MANGKHUT)ระบุว่า ไต้ฝุ่นมังคุด บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก หรือด้านตะวันออกของฟิลิปปินส์ มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง ประมาณ 204 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนผ่านเกาะลูซอนของฟิลิปปินส์ และเคลื่อนลงทะเลจีนใต้ตอนบนภายในวันนี้ถึงวันที่ 15 กันยายน หลังผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน เข้าเวียดนามและจีนวันที่ 16-18 กันยายน ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้มีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักช่วงวันที่ 17-19 กันยายน ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่ม
พิจิตรเร่งพร่องน้ำรับฝนไต้ฝุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำ และการเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมที่จ.พิจิตร หลังปริมาณน้ำฝนสะสมบนเทือกเขาเนินมะปราง จ.พิษณุโลกไหลลงจ.พิจิตรผ่านลำคลองสาขา ทำให้ระดับน้ำในคลอง มีปริมาณมาก เจ้าหน้าที่เร่งเปิดประตูระบายน้ำคลองท่าหลวง หมู่ที่ 6 ต.ท่าหลวง อ.เมือง ลงแม่น้ำน่าน แม่น้ำยมเพื่อเพิ่มพื้นที่รับน้ำฝนจากพายุมังคุด ซึ่งในจ.พิจิตรยังคงมีฝนตกชุกต่อเนื่องร้อยละ 60-80% ของพื้นที่
พรบ.น้ำได้ใช้แน่ปีนี้-ปรับแผนแม่บท
วันเดียวกัน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะรองประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) แถลงหลังประชุม กนช.ครั้งที่ 3/2561ว่า ที่ประชุมหารือความคืบหน้าการปรับปรุงยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำโดยปรับวิธีทำงานให้ทุกหน่วยงานบูรณาการ ลดความซ้ำซ้อนและขับเคลื่อนผ่านกฎหมาย เช่น ร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ในวาระ 2 และ 3 คาดจะมีผลบังคับใช้ในปีนี้ รวมถึงตั้งองค์กรเป็นแกนหลักขับเคลื่อนงานทั้งหมด และแผนบริหารจัดการน้ำ 20 ปี จากนี้จะเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการสำคัญกว่า 300 โครงการ ตามแผนระยาว ปี 2557-2569 เพื่อลดผลกระทบด้านน้ำแก่ประชาชน ดังนั้น จึงฝากให้รัฐบาลชุดต่อไป สานต่อแผนบริหารจัดการน้ำ เพื่อไม่ให้งานสะดุดและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
ขยายแผนน้ำจาก12เป็น20ปี
ด้านนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. ในฐานะกรรมการและเลขานุการ กนช.เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้ขยายแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการทรัพยากรน้ำจาก 12 ปี เป็น 20 ปี ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ และปรับชื่อใหม่ เป็นแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ กำหนดเป้าหมายใหม่เพิ่มรายยุทธศาสตร์คือ เรื่องพัฒนาและขยายเขตระบบประปา เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและเพิ่มน้ำต้นทุนโดยปฏิบัติการฝนหลวง การบรรเทาอุทกภัยระดับลุ่มน้ำอย่างเป็นระบบทุกลุ่มน้ำ ป้องกันชุมชนเมือง 764 แห่ง การลดการชะล้างพังทลายของดินพื้นที่ต้นน้ำ 0.45 ล้านไร่ และสร้งาความร่วมมือด้านน้ำกับต่างประเทศ กำหนดเสนอร่างแผนเดือนตุลาคม ก่อนเสนอ กนช.เห็นชอบในการประชุมครั้งต่อไป
ลุย11บิ๊กโปรเจ็คเร่งโครงการพระราชดำริ
ทั้งนี้ ในปี 2562 พร้อมดำเนินการโครงการขนาดใหญ่ โครงการสำคัญ งบประมาณเกิน 1,000 ล้านบาทมีทั้งหมด 11 โครงการ รวมวงเงิน 73,679 ล้านบาท มี 4 โครงการผ่านการพิจารณาของ กนช.แล้ว นอกจากนั้น สทนช.ได้จัดลำดับความสำคัญในการพิจารณาแผนงาน งบโครงการพระราชดำริที่มีความพร้อมเป็นลำดับแรก อาทิ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จำนวน 78 โครงการ โครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 จำนวน 22 โครงการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี