16 ก.ย.61 นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณให้แก่ กสศ.ในส่วนของทุนประเดิมและเงินอุดหนุนตามแผนการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2561 ในวงเงินราว 1,200 ล้านบาท และในส่วนของเงินอุดหนุนตามแผนการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2562 ในวงเงิน 2,537 ล้านบาท ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้แปรญัตติให้นั้น
เรื่องนี้ยอมรับว่า กสศ.ได้รับการจัดสรรงบประมาณลดลงจากที่คณะกรรมการบริหาร กสศ.เห็นชอบไว้ โดยในปีงบประมาณ 2561 ได้รับจัดสรรลดลง 21% และปีงบประมาณ 2562 ได้รับจัดสรรลดลงกว่า 57% แต่ยังอยู่ในกรอบที่เพียงพอให้ กสศ.ใช้เริ่มดำเนินงานในช่วงต้นได้ ซึ่งทางรัฐบาลก็ยังเปิดช่องให้ กสศ.ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมได้อีกในส่วนของงบกลางสำรองฉุกเฉินในปี 2562
รวมถึงขณะนี้กรมสรรพกรก็กำลังพิจารณาเรื่องการหักค่าลดหย่อนหรือรายจ่ายเพื่อการบริจาคเงินและทรัพย์สินแก่กองทุนตามมาตรา 7 ของ พ.ร.บ.กสศ.เพื่อให้ประชาชนและนิติบุคคลต่างๆ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการบริจาคเงินและทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ กสศ.ได้ภายในปีภาษี 2561 โดยสำหรับทิศทางต่อไปจากนี้ จะต้องมีการปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับอนุมัติโดยจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหาร กสศ.ในวันที่ 24 ก.ย.2561 เพื่อจัดลำดับความสำคัญของงาน
ซึ่งหลังจากนี้คงต้องมุ่งทำงานกับกลุ่มเป้าหมายที่จำเป็นเร่งด่วน กลุ่มที่คาดว่า กสศ.จะเริ่มช่วยเหลือได้เป็นลำดับแรก คือ นักเรียนยากจนพิเศษ จำนวน 620,000 คน ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่กระจายอยู่ครอบคลุมทุกภูมิภาค โดย กสศ.และ สพฐ.ได้ร่วมกันดำเนินการคัดกรองในปีการศึกษา 1/2561 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ในช่วงเดือน ต.ค.2561 กสศ.จะร่วมกับ สพฐ.จัดให้มีกระบวนการตรวจสอบข้อมูลกลุ่มเป้าหมายทั้ง 620,000 คนอีกครั้งด้วยระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ iSEE
เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถช่วยเหลือและติดตามให้นักเรียนที่ยากจนที่สุดกลุ่มนี้ได้รับการสนับสนุนทั้งด้านค่าใช้จ่ายและการดูแลที่จำเป็นต่างๆ เพื่อป้องกันการหลุดออกจากระบบการศึกษา ไปจนสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานและสามารถพัฒนาความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพได้ตามความถนัดและศักยภาพที่แตกต่างกัน เรื่องนี้คณะกรรมการบริหาร กสศ. เน้นย้ำมาตลอดว่าให้กองทุน กสศ.หลีกเลี่ยงการสนับสนุนงบประมาณที่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นๆ
อีกทั้งให้เน้นความโปร่งใส คุ้มค่า โดยพิจารณาเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ให้ถูกต้องครบถ้วน คำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ สำหรับนักเรียนยากจนพิเศษที่ กสศ.จะให้การสนับสนุนเป็นลำดับแรก จะเป็นการสนับสนุนเพิ่มเติมจากที่ สพฐ.อุดหนุนอยู่วันละ 5-15 บาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในปัจจุบัน เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหารเช้า และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ ของนักเรียนยากจนพิเศษ เป็นต้น
ซึ่งทาง กสศ. จะขอเข้าพบเลขาธิการ สพฐ.เร็วๆ นี้ เพื่อร่วมกำหนดแผนปฏิบัติการทำงานร่วมกัน คาดว่าจะเริ่มช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษผ่านโรงเรียนทั่วประเทศได้ราวเดือน พ.ย.2561 ส่วนนักเรียนในสถานศึกษาสังกัดอื่นๆ กสศ.จะเริ่มประสานงานเพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินงานได้ในปีการศึกษา 2562 โดยเมื่อเดือน ส.ค.2561 ที่ผ่านมา ทาง กสศ.ได้เข้าไปประสานความช่วยเหลือ กรณีเด็กยากจนพิเศษ เด็กพิการด้อยโอกาสและเด็กนอกระบบ
ในจังหวัดเชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี และสุรินทร์ โดยได้รับการสนับสนุนทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่น และเอกชน รวมถึงสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และกระทรวงการคลังในการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของกองทุน ทั้งเรื่องความขาดแคลนทุนทรัพย์และความด้อยโอกาสทางสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี